สมุทรสาคร 16 ส.ค.- กรมประมงทำลายซากสัตว์น้ำของกลางลักลอบนำเข้า-ส่งออก ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท คดีสิ้นสุดแล้ว มีทั้งซากม้าน้ำ เต่า จระเข้ ปะการัง กัลปังหา น่าห่วงบางชนิดเสี่ยงสูญพันธุ์ บางชนิดใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะเจริญเติบโต
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 2 (สมุทรสาคร) นายคณิศร์ นาคสังข์ ผู้อำนวยการกองควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิต กรมประมง เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางซากสัตว์ป่า ซึ่งเป็นสัตว์น้ำ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าดังกล่าว ที่มาจากการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นของกลางมาจากการกระทำผิด 16 คดี ตั้งแต่ปี 2559–2561 ศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วตกเป็นของแผ่นดิน และมีสภาพชำรุดผุพัง
การทำลายซากสัตว์ดังกล่าวใช้วิธีการบดและฝังกลบ ซึ่งเป็นตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่า ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่ตกเป็นของแผ่นดิน พ.ศ.2541 ประกอบด้วยซากม้าน้ำแห้ง ซากปลาจิ้มฟันจระเข้แห้ง, ซากปะการัง, ซากกัลปังหา, ซากจระเข้, ซากเต่า, ซากตะพาบน้ำไทย, ซากดาวทะเล, ซากเปลือกหอย และซากหอยงวงช้างตากแห้ง รวมมูลค่าประมาณ 5,500,000 บาท ของกลางเหล่านี้ส่วนใหญ่ลักลอบนำไปขายทำยา ทำเครื่องประดับ หรือนำไปตกแต่งอควาเรียม
นายคณิศร์ กล่าวว่า ซากสัตว์น้ำทั้งหมดมีความสำคัญทางทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นอย่างมาก บางชนิดอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ บางชนิดใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะเจริญเติบโตขึ้นมา ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจที่จะประเมินค่าได้ ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ทั้งการลักลอบนำเข้าด้วยวิธีการหลากหลายเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม การกระทำความผิดนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งการลักลอบยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในด้านการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ กรมประมงจะเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ.-สำนักข่าวไทย