กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- กองปราบขยายผลรวบสามีแก๊งต้มตุ๋นหลอกคนแก่ขอข้าวกิน ก่อนเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้าน
นายสนอง ไวเชิงค้า อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
จากกรณีที่ น.ส.ธวัลกร แคฝอย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 จากการที่ได้ก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้าน โดยการใช้รถกระบะและนำรถจักรยานยนต์ของตนขึ้นท้ายกระบะเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อก่อเหตุ โดยการขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน ชุมชม หรือที่พักอาศัย เมื่อเห็นเป้าหมายเป็นคนแก่สูงอายุ ได้เข้าไปซักถามบอกว่ารู้จักกับลูกหรือคนในบ้านของเหยื่อ หลังจากนั้นหลอกให้เหยื่อไปเก็บผักหลังบ้าน หรือไปทำกับข้าวให้กิน หรือหลอกให้ไปทำสิ่งอื่นใด ซึ่งอยู่ภายนอกบ้าน พอสบโอกาสและได้จังหวะ ก็เข้าไปค้นหาทรัพย์สินของมีค่าของเหยื่อผู้สูงอายุเหล่านั้น ทำให้ผู้สูงอายุหลายท่านสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องจากเก็บเงินมาทั้งชีวิต ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและผู้การกองปราบ ได้เห็นความทุกข์ร้อนของเหยื่อกลุ่มนี้ ซึ่งเหยื่อแต่ละคนเป็นคนแก่ใจดีมีน้ำใจ ยังกระทำเช่นนี้ได้ลงคอ จึงได้สั่งการให้ ผู้กำกับการ 3 และชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน เป็นเหตุให้จับกุมตัว น.ส.ธวัลกรฯ ได้ในที่สุด ซึ่งหลังการจับกุมแล้ว น.ส.ธวัลกรฯ เกิดความเครียดและพยายามฆ่าตัวตายในห้องขัง โดยใช้ชุดชั้นในผูกคอตนเอง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ทันเวลา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนทราบว่า น.ส.ธวัลกรฯ ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว และได้ไปขอหมายค้นต่อศาลเพื่อทำการตรวจค้นบ้านของ น.ส.ธวัลกรฯ ผู้ต้องหา พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการ นำมาสู่การขอหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายสนอง ไวเชิงค้า ผู้เป็นสามี และถูกจับกุมตัวในเวลาต่อมา นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กองปราบปราม จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างตนเป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จะแสดงความสนิทสนม และขอเข้าบ้านและแอบขโมยทรัพย์สินเงินทอง.-สำนักข่าวไทย