สมุทรสงคราม 14 ส.ค. – นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะผู้บริหารกรมประมงลงพื้นที่ท่าเรือวัดปากสมุทร ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการเตรียมปฏิบัติการตรวจเรือประมงพาณิชย์ขนาด 10- 13 ตันกรอส และร่วมสังเกตการณ์เรือประมงที่เข้าท่ามาให้ตรวจความพร้อม รวมทั้งตรวจเยี่ยมการทำประมงและชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีนางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม นายอุทัย สิงโตทอง ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำชมการตรวจเรือประมงพาณิชย์และลงเรือไปดูการเพาะเลี้ยงหอยของชาวประมงที่บริเวณกลางทะเลปากอ่าวแม่กลอง รวมทั้งเยี่ยมกลุ่มพี่น้องชาวประมง กลุ่มสหกรณ์การประมงบางจะเกร็ง ที่ได้ปรับเปลี่ยนอาชีพจากการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายที่ประกาศไว้ในพระราชกำหนดการประมง 2558 เป็นอาชีพใหม่ คือ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาชาวประมง
นายธีรภัทร กล่าวว่า จากนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่กำชับให้กรมประมงปฏิบัติตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 อย่างเคร่งครัด เพราะเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวจะก่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำและเกิดความเข้มแข็งของภาคการประมงไทย โดยการลงพื้นที่ตรวจดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการตรวจเรือประมงพาณิชย์ครั้งนี้ เพื่อจะได้ทราบถึงขั้นตอนกระบวนการดำเนินการต่าง ๆ ในการตรวจเรือประมงพาณิชย์ตามที่กรมประมงประกาศให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ขนาดตั้งแต่ 10 ตันกรอสขึ้นไป นำเรือและเอกสารสำคัญมาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ที่ท่าเทียบเรือที่กำหนดแต่ละจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 กันยายน 2559 ซึ่งการดำเนินการตรวจเรือประมงพาณิชย์เป็นการเฝ้าระวังให้การทำการประมงพาณิชย์เป็นไปด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากการเริ่มทำประมงพาณิชย์ตามพระราชกำหนดการประมง 2558 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559
ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวอีกว่า การตรวจเรือครั้งนี้จะทำให้ทราบข้อมูลปัจจุบันและมีความถูกต้องมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการตรวจสภาพเรือและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง และพยายามให้เกิดการตรวจสอบย้อนกลับจึงต้องดูต่อไปว่าเรือประมงเหล่านี้ออกไปทำการประมงในพื้นที่ที่ถูกต้องหรือไม่ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับกรมประมงที่จะตรวจเรือเข้าออก เมื่อตรวจเรือเรียบร้อยแล้วกรมประมงจะติดสติกเกอร์เรือที่ผ่านการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์วันนี้มีเรือประมงขนาด 10-30 ตันกรอสเข้าเทียบท่าให้เจ้าหน้าที่ตรวจด้วย ซึ่งก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความพร้อม จึงฝากถึงผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาตถูกกฎหมายกว่า 11,000 ลำ โปรดให้ความร่วมมือนำเรือและเอกสารที่ถูกต้องมาแสดงตนตามที่กรมประมงประกาศแจ้ง เพื่อความถูกต้องตามกฎหมายและเพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำและอาชีพประมงไทย
นายอุทัย กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสงครามกำหนดจุดตรวจสอบ 3 แห่ง คือ ตำบลแหลมใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเทียบเรือวัดปากสมุทร และท่าเทียบเรือประมงปากมาบ ตำบลบางจะเกร็ง 1 แห่ง คือ ท่าเทียบเรือวายุบุตร โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 2 ชุด คาดว่าจะตรวจเรือได้ทันเวลาตามที่รัฐบาลกำหนด ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 กันยายน 2559.-สำนักข่าวไทย