รร.เรเนซองส์ 25 ก.ค. – กสิกรไทยมองเงินบาทปีนี้แตะ 31 บาทต่อดอลลาร์ฯ มั่นใจมาตรการแบงก์ชาติหยุดเก็งกำไรค่าเงินได้ผล คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.25%
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กสิกรไทยคาดเงินบาทปีนี้ 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยช่วงที่เหลือของปีนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางอ่อนค่ากว่าระดับปัจจุบัน ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออก ก็จะได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้น การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงก็จะเป็นอีกปัจจัย ทำให้เงินบาทค่อย ๆ อ่อนค่าลง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามาตรการลดการเก็งกำไรค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้ผลดีระดับหนึ่ง สะท้อนจากตัวเลขการถือครองพันธบัตรระยะสั้นของต่างชาติลดลงจาก 120,000 ล้านบาท เป็น 80,000 ล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงบ้างในช่วงนี้ และเป็นการส่งสัญญาณให้กับนักลงทุนที่เก็งกำไรค่าเงินบาทให้ระมัดระวังมากขึ้น แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่ไม่ได้มองการเก็งกำไรค่าเงินอย่างเดียวนั้น มองว่าหากเทียบตลาดประเทศอื่นยังคงมองไทยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และหากดูอัตราผลตอบแทนการเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวของไทยยังให้ผลตอบแทนสูงกว่า 1% เมื่อเทียบกับ 24 ประเทศที่มีเครดิต BBB ระดับเดียวกัน
สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กสิกรไทยยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% โดยต้องจับตานโยบายดอกเบี้ยของเฟดระยะต่อไปมากกว่าว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับประเทศไทย คาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ 1.75 % โดยประเมินว่า ธปท.จะยังคงกังวลต่อพฤติกรรมแสวงหาผลกำไรของนักลงทุนในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและความเปราะบางของภาคการเงินจากหนี้ครัวเรือนยังสูงขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัว 3.1 % ชะลอลงจาก 4.1 % ปีก่อนหน้า ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัว 3% โดยปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจที่สำคัญจะมาจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น ภาคแรงงานในไทยที่แข็งแกร่ง และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายจะยังสนับสนุนการขยายตัวการกู้ยืมของภาคเอกชน แม้ว่าการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันทางการค้าโลก
นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดโดยรวม และปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยใน 12 เดือนข้างหน้าเป็น 1,775 จุด จากเดิม 1,725 จุด โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยสงครามการค้ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม สำหรับกลุ่มหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่องที่รัฐบาลจะต้องทำใน 1 ปีนี้ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
นางสาวพรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มยืดเยื้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอตัวลงตามไปด้วย กระทบการยอดการส่งออกของไทย 5 เดือนแรกหดตัวลง 4.5% แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น ทำให้ทั้งปีขยายตัว 0% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนระยะต่อไปควรมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ . – สำนักข่าวไทย