กทม.24 ก.ค.-ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คดีผู้บริหาร”เมก้า แพลนเน็ต”กับพวก ทำสารเคมีรั่วในห้องนิรภัย ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ตาย 8 พร้อมให้บริษัทฯชดใช้ญาติเหยื่อรวมกว่า 2 ล้าน
ศาลอาญา รัชดาฯ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายณพงษ์ สุดสงวน ประธานกรรมการ บริษัทเมก้า แพลนเนตจำกัด จำเลยที่ 1,นายอดิศร โฟดา กรรมการบริษัทฯ จำเลยที่ 2, นายจิระวัฒน์ เปรมปรีด์ วิศวกร จำเลยที่ 3 กับพวกอีก 6 คน และนิติบุคคลอีก 1 ราย เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
สืบเนื่องจากวันที่ 13 มีนาคม 2559 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1,2 ได้ให้ พนง.บริษัท เมก้าฯจำเลยที่ 9 ติดตั้งระบบดับเพลิงแบบไพโรเจน โดยใช้สารเคมีแอโรซอล ที่ห้องเอกสารชั้นบี ประตู 5 บริเวณชั้นใต้ดิน ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยใช้สว่านไฟฟ้าเจาะกำแพงฝาผนังจนเกิดแรงสั่นสะเทือน ระบบดับเพลิงทำงานปล่อยสารเคมีแอโรซอลจนฟุ้งกระจาย ทำให้คนงานสูดดมสารเคมีจนถึงแก่ความตาย 8 คน และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอีก 7 คน
คดีนี้ศาลชั้นต้น สั่งจำคุกจำเลยที่ 1-3 ฐาน ร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส คนละ 2 ปี โดยโทษจำรอลงอาญาคนละ 2 ปี, ปรับจำเลยที่ 9 ซึ่งเป็นบริษัท 20,000 บาท และให้จำเลยร่วมกันชดใช้เงินแก่ญาติผู้ตาย ที่เป็นโจทก์ร่วมด้วยรวม 2.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่มีคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่เหลือ พิพากษายกฟ้อง
วันนี้(24 ก.ค.) ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 2 เป็นผู้บริหาร มีหน้าที่ตกลงเซ็นสัญญาลงในบริษัท แต่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปซ่อมแซมภายในอาคารดังกล่าว จึงไม่มีส่วนร่วมกับความประมาท พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2 ส่วนจำเลยที่ 3 และ 9 ให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้เพิ่มในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินชดเชยแก่ญาติผู้ตาย โดยให้เริ่มนับจากวันฟ้อง.-สำนักข่าวไทย