fbpx

เสียงสะท้อนของความทุกข์ใจจากครอบครัวผู้สูญเสียคดีแพรวา

ราชบุรี 17 ก.ค.- คดีดัง “แพรวา 9 ศพ” บนยกระดับโทลล์เวย์กลางกรุงเมื่อปี 53 ฟังเสียงสะท้อนจากแม่ “ดร.เป็ด” วัย 71 ปี หนึ่งในผู้สูญเสียลูกชาย  เล่าทุกข์ใจมาตลอด 9 ปี ขาดหัวเรี่ยวหัวแรงเลี้ยงดู มีรายได้แค่ร้อยพวงมาลัยขายอยู่ราชบุรี วอนคู่กรณีเห็นใจเร่งเยียวยาตามศาลสั่ง


จากเหตุการณ์ความสูญเสียย่านกลางกรุงเมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2553 น.ส.แพรวา ทายาทนามสกุลดัง ขณะนั้นอายุไม่ถึง 18 ปี ขับรถเก๋งชนรถตู้โดยสารบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ทำให้ผู้เสียชีวิตทันที 8 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย รวมเป็น 9 ราย บาดเจ็บอีก 5 ราย ในส่วนของการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2562 ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยชดใช้ผู้เสียหายทุกคน ปรากฏว่าผู้เสียหายยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากฝ่าย น.ส.แพรวา ซึ่งมีข่าวว่าได้เปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง จากอรชร เป็นบัวบูชา และรวินภิรมย์

นางถวิล เช้าเที่ยง ปัจจุบันอายุ 71 ปี มารดาของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง  หรือ ดร.เป็ด อดีตนักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. ขณะนั้นเพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอกจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุคู่กรณีแค่มาร่วมงานศพเพียงวันเดียว จากนั้นไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย แม้ศาลจะตัดสินแล้ว เวลานี้รู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะอายุก็มากแล้ว มีรายได้จากการขายพวงมาลัยอยู่ในตลาดเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี อยากให้คู่กรณีมาพบพูดคุยกันบ้างเรื่องการช่วยเหลือ และทราบว่าทางญาติของผู้เสียชีวิตรายอื่น ๆ ก็ยังรอให้คู่กรณีติดต่อมา ถ้าไม่มีการมาเยียวยาก็จะต้องขอให้มีการบังคับคดี  เพื่อทำตามขั้นตอนของศาล ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด 


“ถ้าลูกชายยังอยู่ก็คงจะสบายกว่านี้ เพราะช่วงที่ลูกเรียนจบมาก็อยากให้แม่เลิกร้อยพวงมาลัยขาย  แต่แม่ยังทำไหวก็ขอทำไปก่อน ถ้าเลิกร้อยพวงมาลัยในวันที่ลูกขอให้เลิก วันนี้คงลำบาก เพราะไม่มีลูกเลี้ยงดูแล้ว  พี่น้องก็ตายหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวที่มาช่วยกันร้อยพวงมาลัยขายแบ่งข้าวกินกันไป  ก็อยากให้ฝ่ายนั้นได้เห็นใจบ้าง เวลาก็เนิ่นนานมาถึง 9 ปี.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย