กรุงเทพฯ 24 มิ.ย.- นายกฯ ยืนยัน ไทยพร้อมผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย ย้ำ สมาชิกต้องจับมือกันก้าวไปข้างหน้า และแบ่งปัน ไม่ใช่แข่งขันกันอย่างเดียว ยึดมั่นในหลักการการเติบโตไปด้วยกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน CLMVT Forum 2019 เพื่อแสดงศักยภาพของ 5 ประเทศในภูมิภาค CLMVT ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาเวียดนาม และไทย ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “CLMVT as the New Value Chain Hub of Asia” หรือ การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลเล็งเห็นถึงศักยภาพของภูมิภาค CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของเอเชียและโลก ภายใต้แนวคิดหลัก คือ การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด และแนบแน่นตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งภายใน CLMVT และภายนอก รวมทั้ง เพื่อสร้างเครือข่ายของผู้นำทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนำของภาคเอกชนและภาควิชาการ จะเป็นหลักช่วยเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าร่วมกัน โดยภาครัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก และวางรากฐาน ซึ่งที่ผ่านมาภาคเอกชนมีศักยภาพในการขยายธุรกิจ รวมทั้ง ยังเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เนื่องจากการมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ภูมิภาค CLMVT มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างแนบแน่น ในเครือข่ายการผลิตของอาเซียนและเอเชีย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าโลกอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ CLMVT จึงถือเป็นภูมิภาคที่ทั่วโลกให้การจับตามอง ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตและตลาดสำคัญที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
“ภูมิภาคของเราต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ การแข่งขันของทุกประเทศทั่วโลก โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จะเข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต และการทำธุรกิจในทุกๆ ภาคเศรษฐกิจ ดังนั้น ต้องปรับตัว และต้องจับมือกันในการก้าวไปข้างหน้า และแบ่งปัน ไม่ใช่แข่งขันกันอย่างเดียว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องมีการเตรียมความพร้อม และป้องกันความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ โดย CLMVT ต้องยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาค ให้สามารถเชื่อมโยงในเครือข่ายการผลิตโลกได้ ทั้งในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม ธุรกิจการเกษตร สิ่งทอ ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
“รัฐบาลยึดมั่นในหลักการการเติบโตไปด้วยกัน (stronger together) การมีส่วนร่วม และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เคารพซึ่งกันและกัน และความเกื้อกูลกันด้วยผลประโยชน์แบบเท่าเทียม และขอให้สร้างอนาคตของภูมิภาค CLMVT ที่เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดให้เติบโตไปด้วยกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความผันในตลาดหุ้น ว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากกระแสในโซเชียล ส่งผลต่อตลาดหุ้นได้
“หุ้นตอนนี้บางวันก็แดงเถือก บางวันก็ขึ้นปู๊ดป๊าด มันก็มาจากหลายอย่าง จากการคุยกัน จากสื่อฯ ใครพูดอะไรไม่ดี ก็แดงทั้งกระดาน นั่นแหละมันเป็นไปตามกระแสโซเชียลด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะพูดอะไรมันมีผลกระทบกับสังคมทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีบางคนออกมาระบุว่า ตนติดโซเชียลมีเดีย ขอยืนยันว่าไม่ได้ติดโซเชียลฯ แต่ดูและอ่านสิ่งต่างที่ไม่รู้ เพื่อเป็นข้อมูลให้มีความรู้ และไม่ได้อ่านการแสดงความเห็นที่มีคนมาต่อว่า เพราะไม่รู้จะอ่านให้เกิดความโมโหและเสียอารมณ์ไปทำไม เพราะเป็นเรื่องไร้สาระ เช่นเดียวกับงานประชุมสุดยอดอาเซียนที่เพิ่งเสร็จสิ้นลง ก็มีการวิจารณ์และจับผิดตนในหลายเรื่อง แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานและเป็นประโยชน์ของประเทศกลับไม่มีคนพูดถึงมากนัก
“ถ้าอยากได้ความขัดแย้ง แค่พูดก็ทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เพราะคนเรามีอารมณ์ มีจริต ที่อาจจะถูกชักจูงไปสู่ความจัดแย้งได้ ดังนั้น วิธีการคือต้องมี ขันติ โสรัสจะ ซึ่งก็คือความอดทน ความสงบเสงี่ยมเจียมตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองก็ยึดถือและปฏิบัติ จึงอยากแนะนำให้คนอื่นยึดถือและปฏิบัติ เพราะถ้ามีสิ่งเหล่านี้จะก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว . – สำนักข่าวไทย