กรุงเทพฯ 7 มิ.ย.- สพฐ.สั่งย้าย ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงปมเด็ก 5 ขวบ ถูกเพื่อนเเละรุ่นพี่ ป.2 ล่วงละเมิดทางเพศ
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อมด้วยปู่และย่าเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่ถูกเพื่อนระดับชั้นอนุบาลเเละรุ่นพี่ชั้น ป.2 ล่วงละเมิดในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งหนึ่งพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เดินทางยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลังขอความช่วยเหลือจาก ผอ.โรงเรียนเเละครู กลับเพิกเฉย พูดจาไม่ดีมาตลอด 5 เดือนหลังเกิดเหตุ อีกทั้งอ้างว่าเด็กเล่นเครื่องเล่น หรือประสบอุบัติเหตุที่บ้านเอง ซึ่งขัดเเย้งกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ระบุชัดว่าเด็กถูกล่วงละเมิดจริง ขณะเดียวกัน บอกให้เด็กย้ายออกจากโรงเรียน เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้โรงเรียน ทั้งที่เด็กไม่มีความผิด
หนังสือขอความเป็นธรรมยื่น 5 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ ขอให้ สพฐ.พิจารณามาตรการเยียวยาร่างกายเเละจิตใจเด็ก ตรวจสอบการทำงานเเละการดูเเลเด็กของครูในโรงเรียน จนปล่อยให้เกิดการล่วงละเมิด ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับ ผอ.เเละครูในโรงเรียน รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 หลังปู่ของเด็กที่เสียหายเคยไปร้องมาแล้ว 7 ครั้ง แต่ถูกเพิกเฉย ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบ เเละขอให้ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เบื้องต้น สพฐ.รับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ โดยวันนี้มีคำสั่งย้าย ผอ.โรงเรียนให้ไปปฏิบัติหน้าที่เขตพื้นที่การศึกษา สพป.อุบลราชธานี เขต 3 ระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริง และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจากส่วนกลางลงไปตรวจสอบการทำงานของเขตพื้นที่เเละโรงเรียน รายงานมาให้ สพฐ.ทราบผลภายใน 7 วัน ซึ่งหากมีมูลความผิดจริง ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อ ซึ่งตามกรอบระยะเวลากำหนดให้ดำเนินการภายใน 30 วัน
ด้านปู่เเละย่าของผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ผ่านมาไปขอความช่วยเหลือกับทุกที่ เเต่ก็เงียบ เเละไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ และกล่าวว่าตนอย่างเสียๆ หายๆ ว่า หวังหาเงินทางอ้อม ซึ่งตนปวดใจเเละสงสารหลานเป็นอย่างมาก โดยค่ารักษาพยาบาลครอบครัวจ่ายเองทั้งหมด ส่วนข้ออ้างที่ครูกล่าวอ้างว่าเด็กอาจตกเครื่องเล่นเเล้วประสบอุบัติเหตุเองนั้น เป็นเพียงเเค่คำพูดเเต่ไม่เคยอ้างเอกสารหลักฐาน.-สำนักข่าวไทย