fbpx

เอกชนเตือนระวังจีนสวมสิทธิ์ส่งออกไทยจนถูกสหรัฐกีดกันการค้า

กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – ส.อ.ท.แนะรัฐบาลดูแลไม่ให้การย้ายฐานผลิตเข้ามาของนักลงทุนจีน เพื่อหวังสวมสิทธิ์ส่งออกมีมากเกินไป ทำให้สหรัฐอาจกีดกันสินค้าไทย พร้อมแนะรัฐตั้งวอร์รูมติดตามผลกระทบสงครามการค้า


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เตือนให้ภาครัฐระมัดระวังดูแลไม่ให้การย้ายฐานการผลิตของจีนเข้ามาในประเทศไทย เพื่อสวมสิทธิ์ผลิตสินค้าส่งออกไปขายสหรัฐต้องมีไม่มากจนเกินไป เพราะสหรัฐอาจพิจารณาตอบโต้ทางการค้ากับไทยได้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยส่งสินค้าไปขายสหรัฐมากกว่านำเข้า ไทยจึงได้ดุลการค้ากับสหรัฐและมากเป็นอันดับที่ 11-12 อยู่แล้ว 

“ขณะนี้ไทยต้องการต่างประเทศเข้ามาลงทุนผ่านการเชิญชวนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ที่ให้เข้ามาในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งขณะนี้นักลงทุนหลาย ประเทศรอความชัดเจนการเมืองไทย แต่ไม่ใช่นักลงทุนจีน เพราะเข้าใจประเทศไทย ต่างเร่งเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อผลิตส่งออก ซึ่งการย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเศรษฐกิจภาคการลงทุนดีขึ้น แต่ต้องระมัดระวังเรื่องสมดุลของการเข้ามาลงทุนด้วย” นายเกรียงไกร กล่าว


ด้านผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ผลการหารือกับกระทรวงพาณิชย์ล่าเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐตั้ง “วอร์รูมภาครัฐและเอกชน” ที่มีกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ร่วมหารือด้วย เพื่อติดตามประเมินผลกระทบจากสงครามการค้าต่อภาคอุตสาหกรรมไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มต่าง ๆ ซึ่ง ส.อ.ท.มีกลุ่มอุตสาหกรรมมากถึง 45 กลุ่ม ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันวางยุทธศาสตร์การลงทุนของประเทศใหม่ทั้งระบบให้เป็นเชิงรุกและเจาะรายประเทศมากขึ้น และเมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว ภาคเอกชนต้องการให้เปิดตลาดการค้าเพิ่มขึ้น โดยขอให้รัฐบาลเดินหน้าเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA กับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ไทยแพ้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่ขณะนี้ได้เปรียบทางการค้า เพราะอยู่ในกลุ่ม  CPTPP หรือข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกกับสหรัฐและยังได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากสหภาพยุโรปด้วย

สำหรับผลกระทบสงครามการค้ากับไทย คือ ส่งออกไทยปีนี้ที่สำนักพยากรณ์ต่าง ๆ คาดว่าจะโตร้อยละ 3-5 ขณะนี้ยอมรับว่าจะอยู่ประมาณร้อยละ 0-1 เท่านั้น ซึ่งเดือนกรกฎาคมนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.จะพิจารณาปรับคาดการณ์ส่งออกและจีดีพีประเทศตามสภาพข้อเท็จจริง สำหรับส่งออกที่ลดลง ผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงล่าสุดเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น และตลอดปีนี้ประเมินเบื้องต้นว่าเศรษฐกิจไทยจะโตเหลือเพียงร้อยละ 3.4-3.5 หากสถานการณ์สงครามการค้าบานปลายมากกว่านี้ เช่น สหรัฐประกาศตอบโต้ทางการค้าจีนเพิ่มอีก 320,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าทุกรายการที่จีนส่งไปขายสหรัฐ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดตลอดปีนี้  

ทั้งนี้ บริษัท ARM ของอังกฤษผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ซอฟแบงก์ญี่ปุ่นประกาศว่าจะไม่ออกแบบและผลิตชิพที่ทันสมัยให้กับหัวเว่ยเท่ากับการพัฒนาที่พึ่งพาคนอื่นชะงัก อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กำลังปรับตัวทั่วโลก สงครามการค้าทำให้บรรยากาศทางการค้าลดลง ประเทศไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตก็ได้รับผลกระทบแน่นอน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

คนร้ายฆ่าสาวโบลท์ เครียด ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ

เครียด! “ไอ้แม็ก” มือฆ่าชิงทรัพย์สาวโบลท์ ใช้หัวโขกลูกกรง สน.มีนบุรี จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ ล่าสุดคุมตัวไปฝากขังแล้ว

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้