กรุงเทพฯ 10 พ.ค.-“อภิรักษ์” สมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ถึงเวลาพร้อมเดินหน้าเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมยุคใหม่
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ว่า เหตุผลที่ลงสมัครหัวหน้าพรรค เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง พร้อมเดินหน้าในฐานะผู้นำในการบริหารเปลี่ยนแปลงพรรค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมยุคใหม่ และอยากช่วยสมาชิกทุกภูมิภาคในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น รวมทั้งสร้างศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ใหม่ ๆ ทั่วประเทศ เพราะวันนี้มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อตอบโจทย์สังคมและสมาชิกส่วนใหญ่ โดยร่วมสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา รวมทั้งอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่สังคมมากว่า 70 ปีให้ตอบโจทย์ประชาชน และก้าวต่อไปในสังคมไทยยุคใหม่ได้อย่างสง่างาม
“ผมคิดว่าสถานการณ์การเมืองใน 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้สังคมคาดหวังว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และเข้ามาเลือกตั้งและอยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย การแข่งขันทางการเมืองนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับเปลี่ยน ทั้งนโยบายและวางกลยุทธ์ให้ผู้สมัครใหม่ในมิติที่สัมพันธ์และก้าวต่อไป โดยเครือข่ายสังคมใหม่ที่เข้มแข็งสนับสนุน เงื่อนไขของภารกิจหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ ตรงนี้ คือ ความเปลี่ยนแปลงของสังคม กระแสมันเปลี่ยนไปแบบนี้ ย้ำว่าพรรคเข้าใจและยอมรับกระแสและความนิยมของสังคม รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่มีต่อพรรค เราจึงต้องการคนที่พร้อมรอบด้านมาทำงานเป็นทีมบริหาร ซึ่งผมอยากขอโอกาสในการทำงานร่วมกับทุกคน เพื่อสร้างประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงพรรคในครั้งนี้” นายอภิรักษ์ กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของโหวตเตอร์ที่ส่งมา ทำให้มั่นใจว่าหากตนได้รับเลือกเป็นหัวหน้า ตนจะทุ่มเทเวลาลงพื้นที่ร่วมกับสมาชิกพรรคอย่างทั่วถึง เพราะผู้สมัคร ส.ส.หลายคนไม่ได้เข้ารัฐสภา ตนจะดึงคนกลุ่มนี้มาทำงานและสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยในพรรค เพื่อดึงคะแนนและพื้นที่เหล่านั้นกลับคืนมา วันนี้หลายคนมีเวลาทบทวนบทเรียนการเลือกตั้ง เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนและจะได้มีกำลังใจในการทำงานครั้งต่อไป
“คำว่าเปลี่ยนแปลงนั้น มีหลายแบบ ตั้งแต่วิสัยทัศน์ การทำงานด้านนโยบาย รวมถึงการบริหารจัดการพรรค การรับฟังเสียงของประชาชน วันนี้ ผมจะเชื่อมโยงคนของพรรคด้วยเทคโนโลยีในการเข้าถึงความคิด การทำงานเพื่อประชาชน และนโยบายพรรคอย่างไร รวมทั้งการลงพื้นที่ผนวกไปด้วยเพื่อตรวจสอบความนิยมของพรรค ต้องเริ่มที่การบริหารจัดการพรรค โดยนำเทคโนโลยีมาต่อยอดเพิ่มเติม เชื่อมโยงประกอบกับการลงพื้นที่พบประชาชน และการใช้สังคมออนไลน์สื่อสารกับสังคมโดยรวมที่ไม่ใช่มุ่งเน้นแค่ฐานเสียงของพรรค เปิดพื้นที่ให้สังคมมาบริจาคเงินเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพรรคแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น” นายอภิรักษ์ กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า การปรับเปลี่ยนพรรคนั้น ต้องไม่ลืมอุดมการณ์พรรคที่นำไปปฏิบัติจริงได้ในทุกยุคสมัย วันนี้พรรคมีคนสองรุ่น คือ คนรุ่นใหม่และคนมีประสบการณ์ ซึ่งตนเห็นว่าอย่าจำกัดนิยามคนทั้งสองรุ่นไว้แค่อายุหรือเพิ่งมาอยู่พรรคไม่นาน ควรให้คำยามว่าหากคนที่มีอายุแต่มีทัศนคติใหม่ ๆ กับสังคม ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ได้ อย่าลืมว่าสินค้าบางยี่ห้อมีอายุนับร้อยปี แต่วันนี้ยังอยู่ได้ เพราะสินค้าตัวนั้นปรับตัวเข้ากับผู้บริโภคในยุคนี้ แต่ยังยึดความเป็นตัวตนของสินค้านั้น ๆ ที่คงอยู่ไว้ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น พรรคต้องไม่เสียจุดยืนตรงนี้
“ผมมองว่าการบริหารพรรคนั้น ไม่ใช่ปล่อยให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคบริหารงานเหมือนเป็นซูเปอร์แมน ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องทำงานเป็นทีม เปรียบเสมือนเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล นำบุคคลที่มีประสบการณ์ มีมุมมองร่วมสมัย ช่วยกันทำงานกับคนรุ่นใหม่ และเปิดพื้นที่ให้คนนอกพรรคมาช่วยกันขับเคลื่อน ประชาธิปัตย์วันนี้มีนิวเดม ในวันวานมีกลุ่มสตรีและยุวประชาธิปัตย์มาช่วยงานพรรค ผมมองว่าหากเราจะเดินไปยังเป้าหมายนั้น ๆ ควรทาบทามบุคลากรที่มีความชำนาญในด้านนั้น ๆ มาทำงาน เช่น เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ เกษตรกรสมัยใหม่ เครือข่ายสตรี เครือข่ายจิตอาสา เครือข่ายอาจารย์นักวิชาการเพื่อให้เข้าใจโลกยุคใหม่ว่าเป็นอย่างไรและพรรคต้องทำงานอย่างไร ทีมงานที่ผมทาบทามมาช่วยการบริหารพรรค อาทิ บุคคลที่มีรายชื่อปรากฎตามสื่อต่าง ๆ มาช่วยกันทำงานครั้งนี้ ผมและทีมงานมีความหวังในการเปลี่ยนแปลงพรรคให้สังคมยอมรับและศรัทธากับสิ่งที่พรรคจะทำเพื่อสังคม เหล่านี้ทำให้ก้าวต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์เป็นก้าวที่มั่นคงและสมาชิกภาคภูมิใจในการทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างเข้มแข็งกว่าเดิม” นายอภิรักษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย