จาการ์ตา 19 เม.ย.- นักวิเคราะห์มองการเลือกตั้งอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่เป็นไปอย่างราบรื่น แม้ประเทศเต็มไปด้วยเกาะแก่งมากมายและมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ว่า เปรียบเหมือนดวงไฟประชาธิปไตยท่ามกลางคลื่นลมเผด็จการที่พัดแรงอยู่ทั่วภูมิภาค
การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในวันเดียวมีผู้ลงสมัครเลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์ถึง 245,000 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากถึง 190 ล้านคน เพื่อเลือกประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี สมาชิกสภาระดับประเทศและระดับท้องถิ่น นักวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมสมัยที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มองว่า ประชาธิปไตยของอินโดนีเซียถือว่ามีความสำคัญ สำหรับภูมิภาคที่ไม่โน้มไปทางประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการกำลังแผ่ขยาย แม้ว่าอินโดนีเซียเริ่มหันไปทางอนุรักษ์นิยมมากขึ้นก็ตาม
นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอิตาลีมองว่า ตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่สูงถึงร้อยละ 82 สูงที่สุดนับจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาปี 2547 สะท้อนว่าประชาชนตระหนักถึงอำนาจของการเลือกตั้งโดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว เป็นสัญญาณที่ดีว่ากระแสความต้องการการปกครองที่ดีเริ่มมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี เธอวิจารณ์ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ที่ผลคะแนนเบื้องต้นชี้ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งต่ออีก 5 ปีว่าไม่ปกป้องสิทธิมนุษยชนเท่าที่ควร เพราะใช้กฎหมายหมิ่นประมาททางอิเล็กทรอนิกส์จับกุมฝ่ายค้านและใช้คำสั่งห้ามการชุมนุมใหญ่ เช่นเดียวกับนักวิชาการในออสเตรเลียที่คาดว่า ช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเห็นประชาธิปไตยในอินโดนีเซียค่อย ๆ เสื่อมลง แต่คงไม่ถึงขั้นเข้าสู่ระบอบเบ็ดเสร็จ
นักวิชาการการเมืองในอินโดนีเซียระบุว่า จำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพเพื่อปกป้องคนกลุ่มน้อยในสังคมและแก้ปัญหาการไม่ยอมรับในความแตกต่างและกระแสสุดโต่ง ส่วนเรื่องที่พรรคการเมืองทุกพรรคยังคงถูกครอบงำจากกลุ่มคนหน้าเดิมทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะถอนรากได้ ขณะที่นักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซียมองว่า อย่างน้อยการที่คนไม่ออกมาชุมนุมตามถนนและใช้อาวุธเพื่อคัดค้านผลคะแนน แต่ไปพึ่งพากระบวนการศาลแทน ก็แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยอินโดนีเซียยังคงมีความก้าวหน้าอยู่.-สำนักข่าวไทย