กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – ญาติรับศพรองผู้กำกับการกองปราบฯ และภรรยา ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะที่บุตรสาวคนเล็กที่นั่งมาในรถด้วยยังอยู่ไอซียู เขียนข้อความถามหาพ่อกับแม่ โดยมีญาติและพี่สาวที่เดินทางกลับมาจากอเมริกาดูแลน้องใกล้ชิด ด้านเสี่ยรถเบนซ์ผู้ก่อเหตุเมาแล้วขับ กราบเท้าขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต
“ไหนป๊ากับแม่?” นี่เป็นข้อความแรกที่ น้องแพร หรือ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ถามหาพ่อกับแม่ หลังฟื้นขึ้นในห้องไอซียู จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน พ่อแม่ลูก
พ่อและแม่ของเธอ คือ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนางนุชนาฎ งามสุวิชชากุล ภรรยา เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุครั้งนี้ คือ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี เจ้าของรถเบนซ์ อี 250 ที่ยอมรับว่าเมาแล้วขับ และพร้อมยอมรับผิด
เมื่อไม่มีใครยอมตอบคำถาม น้องแพรจึงเขียนถามอีกว่า “แม่กับปาป๊าไปไหน” ผู้เป็นป้าปรึกษากับญาติ ก่อนตกลงว่ายังไม่อยากให้น้องแพรกระทบกระเทือนจิตใจ ขณะที่สภาพร่างกายยังไม่แข็งแรง จึงบอกไปว่า พ่อกับแม่ยังบาดเจ็บต้องรักษาตัวเช่นกัน จึงยังมาหาไม่ได้ น้องแพรต้องรีบหาย จะได้ไปช่วยดูแลพ่อกับแม่ และถามว่าจำคนอื่นได้มั้ย
น้องพลอย หรือ น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี บุตรสาวคนโตของครอบครัวนี้ ซึ่งกำลังศึกษาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกา เดินทางกลับไทยทันทีที่ทราบข่าว เธอไปเยี่ยมน้องสาวทุกวัน อยู่ด้วยกันตลอดจนหมดเวลาเยี่ยม
เช้าวันนี้ น้องพลอย และญาติ เดินทางไปยังจุดเกิดอุบัติเหตุ บริเวณซอยงามธรรมชาติ ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา และทำพิธีจุดธูปเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน จากนั้นเดินทางไปรับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งน้องพลอยอยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา
ร่างของผู้เสียชีวิตทั้งสองถูกนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวและญาติ โดยมีพิธีสวดอภิธรรม 3 วัน ก่อนฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 20 เมษายนนี้
นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ ผู้ก่อเหตุ เดินทางมาร่วมงานศพ ทันทีที่มาถึงได้เข้าพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ก่อนก้มลงกราบเท้าบุพการีของผู้เสียชีวิต เพื่อขอโทษกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป พร้อมรับผิดชอบดูแลตามที่เคยได้พูดไว้ทั้งหมด ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตขอให้พูดคุยตกลงกันหลังจากจัดการพิธีศพไปแล้ว
นายสมชาย ยืนยันว่า จะเลิกดื่มแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต และทำประโยชน์เพื่อสังคม เพราะนี่ถือเป็นบทเรียนที่สุดในชีวิตแล้ว แม้จะเทียบไม่ได้กับครอบครัวผู้สูญเสีย ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกว่า การดื่มของคนเพียง 1 คน ส่งผลกระทบจนคาดไม่ถึง เพราะผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน นอกจากมีลูกสาวที่ต้องดูแล ยังต่างก็เป็นเสาหลักของบุพการีอีกด้วย. – สำนักข่าวไทย