เปิดชีวิตเหยื่ออุบัติเหตุ กลายเป็นคนพิการ

กทม.23ธ.ค.-เปิดเวทีตีแผ่ชีวิตเหยื่ออุบัติเหตุกลายเป็นคนพิการ ซึมเศร้า บางรายอยากจบชีวิต ด้านจิตแพทย์ ชี้ความเครียดจากการเผชิญอุบัติเหตุส่อทำผู้ป่วยเสี่ยงโรคซึมเศร้า แนะคนรอบข้างสังเกตอาการ-ควรปรึกษาจิตแพทย์ 


วันนี้(23ธ.ค.)ที่เดอะฮอล์กรุงเทพ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนา “ปัญหาสุขภาพจิต ในวิกฤตชีวิตญาติและเหยื่ออุบัติเหตุทางถนน” โดยถ่ายทอดประสบการณ์จากเหยื่อและญาติอุบัติเหตุทางถนน จากคนปกติต้องกลายเป็นผู้พิการและคนที่ต้องสูญเสียสามี และลูก ภายในงานมีการแสดงละครสะท้อนปัญหาความสูญเสียหลังอุบัติเหตุ  


นายศักดา บุญสุขศรี หนึ่งในเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า เมื่อปี40 ประสบอุบัติเหตุทางถนนจากการเมาแล้วขับ หลังไปดื่มเหล้ากับเพื่อนช่วงเลิกงาน พอเหล้าหมดอาสาขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อ แม้เพื่อนห้ามก็ไม่ฟังเพราะมั่นใจว่าไม่เมา และร้านจำหน่ายอยู่ห่างจากบ้านแค่ 800 เมตร ด้วยความชะล่าใจบวกความประมาททำให้ขี่รถชนกำแพง ร่างกระแทกไปนอนสลบกับพื้น ส่งผลให้กลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งท่อนต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต จากเดิมเคยเป็นเสาหลักครอบครัวกลายเป็นภาระพ่อแม่ น้อง 2 คนไม่ได้เรียนต่อ ครอบครัวกู้หนี้ยืมสินนำเงินมารักษา อาการบาดเจ็บทางกายก่อตัวเป็นความเครียดเหมือนคนเป็นโรคจิต  รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากฆ่าตัวตายหนีปัญหา ชีวิตเหมือนล้มละลาย


“ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย พ่อแม่ต้องคอยดูแล ไปทำงานพักเที่ยงก็ต้องรีบกลับมาป้อนข้าว หายาให้กิน รู้สึกเป็นภาระครอบครัว มีหนี้สินไปกับการรักษาทำกายภาพนานถึง 2 ปี ท้อแท้มาก เครียด คิดแต่อยากตายแต่โชคดีได้กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนมูลนิธิเมาไม่ขับดึงมาเป็นอาสาสมัครช่วยรณรงค์ให้สังคมเห็นโทษจากการเมาแล้วขับได้ไปฝึกอาชีพกับโรงเรียนสอนคนพิการ ทำให้มีอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้ มีพลังดำเนินชีวิตต่อ ปีใหม่นี้อยากเตือนถึงคนที่ยังใช้ชีวิตประมาท อยากให้ดูผมเป็นตัวอย่าง ถ้าวันนั้นยอมฟังเพื่อนคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แค่เสี้ยววินาที ทำให้กลายเป็นคนพิการนั่งบนรถเข็นไปตลอดชีวิต” นายศักดา  กล่าว

นางรัชฐิรัชฎ์  ซุ่นสั้น ภรรยาที่สูญเสียสามีจากคนเมาแล้วขับ ขณะปฏิบัติหน้าที่ กล่าวว่า ครอบครัวต้องสูญเสียเสาหลักอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุคนเมาขับรถกระบะชนขณะไปปฏิบัติหน้าที่เคลียร์พื้นผิวจราจร เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นอุบัติเหตุซ้ำซ้อนสะเทือนขวัญคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ถึง 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นสามีที่ประกอบอาชีพเป็นตำรวจ จากครอบครัวสมบูรณ์ ทำให้ลูกขาดพ่อ ต้องดูแลครอบครัวเพียงลำพัง แต่ชีวิตต้องเดินหน้า เอาคำสอนสามีเป็นกำลังใจ ผลักดันให้เข้มแข็งเป็นแบบอย่างให้ลูก โชคดีที่พี่ๆน้องๆเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตเข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดี พูดคุยอย่างเข้าใจ จนเหมือนญาติ ทำทุกอย่างเพื่อหวังให้ก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ถือว่าโชคดีมากว่าคนอื่นๆ    

“สามีเคยสอนว่าเสียใจได้แต่ต้องมีสติ อย่าให้ความเสียใจมาทำลายทุกอย่าง จะไม่เอาตัวเองไปจมปลักอยู่กับความทุกข์ ไม่ทำกิจกรรมบั่นทอนจิตใจ ไม่ฟังเพลงเศร้าอ่านหนังสือธรรมะที่มีคำสอนดีๆ ปีใหม่นี้ในฐานะครอบครัวที่เคยสูญเสียคนรักจากการถูกคนเมาขับรถชน ถ้าดื่มอย่าขับรถเด็ดขาดต้องมีสติ และอยากฝากเรื่องการบังคับใช้กฎหมายให้จริงจัง คนทำผิดกฎจราจรเมาแล้วขับต้องโดนลงโทษสถานหนักเสียที” นางรัชฐิรัชฎ์ กล่าว

รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อมูลคนตายจากอุบัติเหตุปี 62 จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ อุบัติเหตุบนท้องถนนครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ48 เดินทางใกล้ๆบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตร จักรยานยนต์ที่เสียชีวิตถึง 323ราย ร้อยละ41ไม่มี พ.ร.บ.ทำให้ไม่มีเงินมาช่วยเหลือเยียวยาทั้งตัวเองและคู่กรณี และร้อยละ41เป็นเสาหลักครอบครัว นอกจากทำให้บาดเจ็บทางร่างกาย บางรายได้รับผลกระทบทางจิตใจจากภาวะความเครียดที่รุนแรง จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอวัยวะหรือถึงขั้นชีวิต ซึ่งความเครียดนี้ แบ่งได้หลายระดับ เช่น “โรคความเครียดจากการได้รับบาดเจ็บ” ผู้ป่วยจะมีภาวะครุ่นคิดกับสิ่งที่เจอ ส่งผลทำให้สภาพจิตใจแย่ลง เริ่มรู้สึกโทษตัวเองที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากทำอะไร เศร้า หดหู่ หมดกำลังใจ ทานอาหารและการนอนเริ่มเปลี่ยนแปลง ขั้นหนักสุดคือไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นหลายสัปดาห์ติดต่อกัน และไม่สามารถพยุงความรู้สึกตัวเองได้ อันนี้จะถือว่าเป็น “โรคซึมเศร้า”

รศ.พญ.รัศมน  กล่าวว่า โรคเครียดเกิดจากการเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญหรือเรียกว่า PTSD (Post traumatic Stress Disorder) เป็นโรคที่   ก่อตัวขึ้นจากการที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ที่กระทบเทือนจิตใจถึงขั้นชีวิต ซึ่งอาการของโรคจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดผวา เหมือนเหตุการณ์น่ากลัวยังเกิดขึ้นซ้ำๆ แม้จะจบไปแล้ว ตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย รู้สึกใจสั่นและกลัวอยู่ตลอดว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวเอง ดังนั้นคนรอบข้างต้องระวังเมื่อผู้ป่วยเจอเหตุสะเทือนขวัญ การที่ให้เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังมากเกินไป อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาได้ ต้องประเมินความพร้อม การเล่าอยากให้ผ่อนคลายในสิ่งที่อยากเล่าจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับสภาพจิตใจ

“การฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียดทางอารมณ์ คนรอบข้างครอบครัวช่วยได้ ให้ใช้วิธีพูดคุย คอยรับฟังในเวลาที่ต้องการ หากมีอาการโรครุนแรงมีผลต่อการดำเนินชีวิต ไม่สามารถทำงานได้ อยากทำร้ายตัวเองบ่อยครั้ง คิดเรื่องความตาย ให้ชักชวนไปพบผู้เชี่ยวชาญที่ รพ.ด้านจิตเวช สถานพยาบาลด้านจิตเวชที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ มีนักจิตบำบัด จิตแพทย์ นักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษา ดูแลด้วยการใช้จิตบำบัด บางรายอาจมีการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการร่วมตามความรุนแรงของโรค” รศ.พญ.รัศมน  กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย