กรมศุลกากร 26 ส.ค.-กรมศุลกากรให้เวลานำรถยนต์และซูเปอร์คาร์ที่ตกค้างในเขตปลอดอากรที่นำเข้าก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ออกจากพื้นที่ภายใน 90 วัน พบมี 326 คัน นอกจากนี้ยังมีรถรถตกค้างที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2552-2558 อีกจำนวน 633 คัน
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ให้ผู้นำเข้ารถยนต์ดำเนินการนำรถยนต์และซูเปอร์คาร์ที่ตกค้างอยู่ในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และเขตประกอบการเสรีของนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 326 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่นำเข้ามาก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2557 หรือครบ 2 ปี ออกจากทั้ง 2 พื้นที่ภายใน 90 วัน เพื่อใช้หรือจำหน่ายในประเทศ โดยชำระภาษีอากรให้ถูกต้อง หรือส่งออกไปขายต่างประเทศ โดยหากไม่มีการดำเนินการ รถยนต์ดังกล่าวจะเป็นของตกค้างตามกฎหมายศุลกากร ซึ่งอธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจทั้งการขายทอดตลาดและทำลาย
สำหรับรถยนต์ที่มีอายุครบ 2 ปี รวม 326 คัน มีมูลค่ารถยนต์ 319 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าภาษี 599 ล้านบาท รวมถึงยังมีรถตกค้างที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2552-2558 จำนวน 633 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ที่มาจากตัวแทนจำหน่าย 209 คัน และผู้นำเข้าอิสระ 424 คัน ในจำนวนดังกล่าวมีรถยนต์หรู เช่น ซูเปอร์คาร์ และลัมโบกินีจำนวน 71 คัน และรถเมอร์ซิเดส เบนซ์อีก 127 คันรวมอยู่ด้วย ส่วนใหญ่เป็นรถที่ตกรุ่นและขายไม่หมด ผู้นำเข้ารถยนต์จึงไม่นำออกไปจำหน่าย เพราะจะเสียภาษีในราคาแพง
นอกจากนี้ คำสั่งหัวหน้า คสช. ยังระบุว่า รถยนต์ใหม่ รวมถึงของอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตเพื่ออุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และเครื่องจักร ที่มีนำเข้ามาและการเก็บรักษาในเขตปลอดอากร และเขตประกอบการเสรีไม่ครบ 2 ปี ยังสามารถเก็บรักษาต่อไปได้จนกว่าจะครบระยะเวลาดังกล่าว จากนั้นต้องนำออกจากเขตปลอดอากรเช่นกัน
นายกุลิศ ยังกล่าวว่า กรมศุลกากรได้ยกเว้นภาษีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ให้กับรถดับเพลิง รถกู้ภัย รถไฟส่องสว่าง และรถบรรทุกที่นำเข้ามาเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2549 จำนวน 176 คัน และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 อีก 139 คัน เพราะถือเป็นยุทธภัณฑ์ที่ไว้ใช้ในราชการ พร้อมประสานกรุงเทพมหานครให้นำรถดังกล่าวออกไปซ่อมแซมเพื่อวิ่งใช้งานจริง โดยมาตรการทั้งหมดจะช่วยลดภาระของรัฐในการหาสถานที่และจ่ายค่าจัดเก็บหลายพันล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการนำเข้าเฉพาะรถยนต์ที่จำหน่ายได้จริงด้วย.- สำนักข่าวไทย