กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – ธนาคารออมสินครบรอบ 106 ปี แจกกระปุกออมสิน “เครื่องแขวนไทย” กว่า 5.3 แสนใบ แก่ผู้ฝากเงินทุก ๆ 500 บาท พร้อมโชว์ยอดเงินฝากสูงสุดในระบบธนาคาร 2.3 ล้านล้านบาท และยอดสินเชื่อรวม 2.1 ล้านล้านบาท
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในโอกาสวันสถาปนาธนาคารออมสินครบรอบ 106 ปี ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ว่า การส่งเสริมการออมของธนาคารออมสินประสบความสำเร็จ ล่าสุดธนาคารมียอดเงินฝากสูงสุดในประเทศไทยด้วยยอดรวม 2.3 ล้านล้านบาท โดยในช่วง 4 ปีมีเด็กมาเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 เพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคน ด้านการให้สินเชื่อมียอดสูงสุดเช่นกันด้วยยอดรวม 2.1 ล้านบาท ขณะเดียวกันธนาคารยังช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วย
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า เพื่อเป็นการรำลึกถึงความเป็นสถาบันการออมอย่างยาวนาน 106 ปี ทั้งยังเป็นการขอบคุณลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ให้ความไว้วางใจในการออมทรัพย์กับธนาคารออมสิน ในวันนี้ธนาคารจึงจัดกิจกรรมพิเศษด้วยการจัดทำกระปุกออมสิน “เครื่องแขวนไทย” ซึ่งมีความหมายถึงการสืบสานศิลปะวัฒนธรรมดีงามของไทย โดยใช้ลวดลายเครื่องแขวนไทยมาตกแต่งบนกระปุกออมสิน โดยธนาคารมอบเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้เปิดบัญชีเงินฝากใหม่หรือผู้ฝากเงินประเภทใดก็ได้ตามยอดเงินฝากขั้นต่ำของเงินฝากแต่ละประเภท แต่ต้องไม่ต่ำกว่าบัญชีละ 500 บาท โดยจะได้รับ 1 ใบต่อ 1 ราย ซึ่งต้องฝากด้วยตัวเองโดยสามารถฝากต่างสาขาได้ แต่บัญชีเพื่อผู้เยาว์ผู้มาฝากเงินจะเป็นผู้ฝากหรือผู้เยาว์ก็ได้ โดยปีนี้ธนาคารเตรียมกระปุกออมสินกว่า 530,000 ใบ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมอบเงินทุนประเดิม เพื่อเป็นเงินขวัญถุงเริ่มต้นการออมให้แก่เด็กที่เกิดในวันออมสิน คือ วันที่ 1 เมษายน 2562 เพื่อเริ่มต้นสร้างนิสัยการออมให้แก่เด็กตั้งแต่เกิดรายละ 500 บาท แต่สำหรับเด็กแรกเกิดที่ตั้งชื่อ “ออมสิน” ได้ปรากฏชื่อ “ออมสิน” ในสูติบัตร ธนาคารมอบทุนประเดิม 5,000 บาท
ธนาคารออมสินจัดตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์จัดตั้งคลังออมสินโดยทรงเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของการออมทรัพย์และให้ประชาชนมีสถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย ก่อนที่จะทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกาศใช้พระราชบัญญัติคลังออมสินเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2456 ต่อมามีการจัดตั้งเป็นธนาคารออมสินเมื่อปี 2489 จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช.-สำนักข่าวไทย