นนทบุรี 28 ส.ค. – นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สินค้าขนุนสดและผลิตภัณฑ์จากขนุนได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดสหรัฐในฐานะสินค้าอาหารทางเลือกแทนเนื้อสัตว์ โดยแพร่หลายทั้งในตลาดค้าปลีกที่เป็นของชาวเอเชีย ชาวฮิสแปนิค และตลาดค้าปลีกทั่วไป เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐเชื่อว่าเนื้อขนุนมีแคลลอรี่ต่ำอุดมด้วยวิตามินซี อีกทั้งเนื้อขนุนที่ทำสุกแล้วจะมีลักษณะเหมือนเนื้อหมูฉีกหรือเนื้อไก่ฉีก
ปัจจุบันสื่อสหรัฐหลายสำนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคสินค้าอินทรีย์และมังสวิรัตได้ให้ความสนใจและนำเสนอประโยชน์ของขนุนแก่ผู้บริโภค โดยหลายสื่อเรียกขนุนว่าเป็น “New Super Fruit” พร้อมนำเสนอวิธีการปรุงอาหารจากขนุนอย่างแพร่หลายทั้งในรูปแบบของขนุนสด ขนุนอ่อน และเม็ดขนุน
“สินค้ากลุ่มนี้ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดสหรัฐ การสร้างโอกาสของตลาดสินค้าขนุนไทยจะเกิดขึ้นได้ โดยความร่วมมือจากร้านอาหารไทยในสหรัฐและภาครัฐผ่านการกระตุ้นและให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในการปรุงอาหารจากเนื้อขนุน รวมถึงการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้บริโภคสหรัฐหันมาเลือกซื้อสินค้าอาหารไทยที่ผลิตจากขนุนมากขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว
ปัจจุบันมีการนำขนุนไปใช้ในการประกอบอาหารหลายประเภทในสหรัฐ เช่น บาร์บีคิว พิซซ่า ซุปแซนวิช แยม น้ำผลไม้ ไอศกรีม และเค้ก เป็นต้น ขณะที่ผู้บริโภคเชื้อสายฮิสแปนิคนิยมทำเป็นทาโก้ (Taco) นาโช (Nacho) เอนชิลาดาส์ (Enchiladas) และผู้บริโภคเชื้อสายอินเดียนิยมนำไปทำแกงขนุน อย่างไรก็ตาม การส่งออกขนุนสดจากไทยไปยังตลาดสหรัฐอาจมีประเด็นเรื่องการรักษาความสดและคุณภาพของสินค้า อีกทั้งน้ำหนักของขนุนจะกระทบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ส่งผลให้มีต้นทุนสูงกว่าขนุนสดจากประเทศเม็กซิโกและประเทศในอเมริกาใต้ที่ขนส่งในระยะทางที่ใกล้กว่า ผู้ประกอบการไทยจึงควรพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากขนุนที่มีความหลากหลายเพื่อเข้าสู่ตลาดสหรัฐ เช่น เนื้อขนุนอ่อนในน้ำบรรจุกระป๋อง ของว่างที่ทำจากขนุนและเม็ดขนุน เป็นต้น
มีรายงานว่าปี 2557 – 2558 ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของผู้บริโภคสหรัฐลดการบริโภคเนื้อสัตว์และยอดจำหน่ายอาหารที่เป็นทางเลือกอื่นของเนื้อสัตว์มีการเติบโตจาก 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 เป็น 109 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 บริษัท Melissa’s Produce ผู้นำเข้าและกระจายสินค้าพืชผักสดรายใหญ่ของสหรัฐ ระบุว่า ขนุนได้เข้าสู่ตลาดสหรัฐมานานแล้ว โดยปี 2556 บริษัทสามารถขายสินค้าขนุนได้เพียงปีละไม่กี่ลัง แต่ปัจจุบันสามารถขายสินค้าได้ถึง 1,000 ลังต่อเดือน
ขณะที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส รายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจัยหลักในการสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ขนุนของไทยมี 2 ประการ ประการแรก คือ ประเทศไทยอุดมไปด้วยวัตถุดิบและมีการผลิตสินค้าจากขนุนอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐ ประการที่ 2 คือ ตลาดการบริโภคผลิตภัณฑ์ขนุนของสหรัฐยังอยู่ในระยะเริ่มต้น การแข่งขันจึงยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยสินค้าที่ยังไม่แพร่หลายในตลาดสหรัฐ แต่มีศักยภาพสูง ได้แก่ เม็ดขนุน ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน โปตัสเซียม แคลเซียม และธาตุเหล็ก รวมถึงเนื้อขนุนตากแห้ง และไม้ขนุน การวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐ ระบุว่า เฟอร์นิเจอร์จากไม้ขนุนมีความคล้ายคลึงกับไม้มะฮ๊อกกานีและมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไม้สัก คือ เป็นไม้ที่ปลวกไม่ขึ้น และทนทานต่อเชื้อราหรือแบคทีเรีย สามารถขัดเงาได้อย่างสวยงาม จึงเป็นอีกโอกาสหนึ่งของผู้ประกอบการไทยที่จะคิดค้นประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าอื่น ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ไม้โดยใช้ไม้ขนุนเป็นวัตถุดิบ.-สำนักข่าวไทย