กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากเดิม 4,300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 68 ภายในกลางปีนี้ หลังคาดจะได้กำลังผลิตเพิ่มในจีน,ญี่ปุ่นและเวียนดนาม
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ้านปู เพาเวอร์ กล่าวว่า ภายในกลางปี 2562 บริษัทจะมีแผนประกาศเพิ่มเป้าหมายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม ตั้งเป้า จะมีกำลังผลิต 4,300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 68 โดยในส่วนนี้เป็นพลังงานทดแทนร้อยละ 20 สาเหตุที่มั่นใจ เนื่องจากศักยภาพการหากำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่มีเพิ่มขึ้น ทั้งการเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการพลังงานทดแทน ในจีน,ญี่ปุ่น และเวียดนาม รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional) ในไทยและเวียดนาม
นายสุธี กล่าวว่า เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 68 เมื่อเทียบกับที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน 2,869 เมกะวัตต์ คงเหลือกำลังการผลิตที่จะต้องหาใหม่อีกราว 1,400 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 1,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 400 เมกะวัตต์ โดยการมองหากำลังการผลิตใหม่เข้ามาจะมาจากฐานประเทศที่มีอยู่แล้ว และประเทศใหม่ที่มีศักยภาพ โดย ปัจจุบัน BPP มีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 2,869 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้า 28 แห่ง ในไทย ,จีน ,ญี่ปุ่น ,เวียดนาม ,ลาว โดยเป็นโครงการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 17 แห่ง กำลังผลิตรวม 2,145 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 11 แห่ง กำลังผลิตรวม 724 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ครบในปี 66
สำหรับเวียดนาม นับว่ามีศักยภาพอย่างมากหลังจากที่เวียดนามประกาศเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 87,000 เมกะวัตต์ภายในปี 66 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 43,000 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้แบ่งเป็น พลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 40,000 เมกะวัตต์ ,พลังงานหมุนเวียน 27,000 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือเป็นเชื้อเพลิงอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตในมือสำหรับพลังงานลม 1 แห่ง กำลังผลิต 80 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 3 เฟส แล้วเสร็จเฟสแรกในปลายปี 63 ส่วนอีก 2 เฟสที่เหลือจะแล้วเสร็จในต้นปี 64 โดยกำลังผลิตที่ 80 เมกะวัตต์ เป็นส่วนหนึ่งของกำลังการผลิตที่ได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลเวียดนามสำหรับโครงการพลังงานลมทั้งหมด 200 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนที่เหลือยังไม่ได้นับรวมเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีโอกาสโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวียดนาม รวมทั้งเชื้อเพลิงประเภทถ่านหินที่อยู่ระหว่างการเจรจา
สำหรับในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 13 โครงการ กำลังผลิตรวม 234 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 38 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งจะเดินเครื่องในปีนี้อีก 5 โครงการ รวม 62 เมกะวัตต์ และเดินเครื่องอีก 2 โครงการในปี 63 ส่วนอีก 1 โครงการที่เหลือจะเดินเครื่องผลิตในปี 66 และปัจจุบันบริษัทมองหาการลงทุนใหม่เพิ่มเติมด้วย
ด้านการลงทุนในจีน ปัจจุบันมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 แห่ง กำลังผลิต 152 เมกะวัตต์ ที่ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตแล้วทั้งหมด ขณะที่จีนชะลอการส่งเสริมลงทุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หลังจากที่ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวมกันประมาณ 170,000 เมกะวัตต์ ทำให้โอกาสเกิดโครงการใหม่มียากขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่จะทำดีล M&A โครงการที่ผู้ประกอบการเดินเครื่องผลิตอยู่แล้ว ที่เริ่มมีการเสนอขายโครงการออกมา ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาอยู่หลายโครงการ กำลังการผลิตราว 20-50 เมกะวัตต์/โครงการ
ส่วนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงทั่วไปในจีนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินซานซีลู่กวง (SLG 1) กำลังการผลิตรวม 1,320 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 30% โดยโครงการนี้ยูนิตแรก ขนาด 660 เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จในปลายปี 62 และยูนิตที่ 2 ขนาด 660 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จต้นปี 63 ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม อีก 3 โครงการในจีน ปัจจุบันมีการขยายกำลังการผลิตเฟสที่ 3 ใน 1 โครงการ กำลังการผลิต 52 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนโอกาสขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกคงต้องรอดู 1-2 ปี ว่าตลาดยังมีความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
ส่วนในประเทศไทย ก็มีโอกาสสำหรับการหากำลังการผลิตใหม่ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 (PDP2018) ที่จะมีโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันใหม่รวมประมาณ 8,300 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีศักยภาพสำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ส่วนขยาย ได้อีก 1,000 เมกะวัตต์ ที่ปัจจุบันได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เรียบร้อย โดยรอรัฐบาลเปิดให้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ซึ่งเบื้องต้นจะใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน แต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติได้หากรัฐบาลมีความต้องการ รวมถึงให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย-สำนักข่าวไทย