เอ็นโก้ 31 ส.ค. – พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างกรมธุรกิจพลังงานกับบริษัท ไทย ไปป์ไลน์เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ภายใต้กลุ่มบริษัท เอส ซี กรุ๊ป ( SC Group) โดยจะขยายจากระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อที่มีอยู่เดิมของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมจำกัด (THAPPLINE) ที่คลังน้ำมันอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ไปยังคลังน้ำมันปลายทางจังหวัดขอนแก่น ระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกรมฯ จะมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างเดือนมีนาคมปี 2561 และเปิดใช้งานเดือนตุลาคมปี 2563 ตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับการลงนามครั้งนี้จะสนับสนุนโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางท่อขนส่งน้ำมัน การออกใบอนุญาตให้ผู้ลงทุน และให้ข้อเสนอแนะรวมถึงข้อคิดเห็นต่อการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐในโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ โดยก่อนหน้านี้ลงนามกับบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FTP) เพื่อลงทุนก่อสร้างขยายระบบท่อน้ำมันไปอย่างภาคเหนือไปแล้ว
ทั้งนี้ โครงการขยายระบบการส่งน้ำมันทางท่อไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนอกจากช่วยเพิ่มผลิตภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ ยังสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาพลังงานต่อนโยบายการเก็บสำรองน้ำมันสำเร็จรูปในคลังส่วนภูมิภาค ส่งผลให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐศาสตร์ต่อประเทศ รวมถึงยังเป็นการรองรับการขยายตัวด้านการใช้น้ำมันในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค ช่วยลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการขนส่ง ลดปัญหาด้านอุบัติเหตุ รวมถึงแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ยังเป็นโครงการสำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยมูลค่าการลงทุน 2 เส้นทาง มูลค่ารวมเกือบ 20,000 ล้านบาท
โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดขึ้นตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีมติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานดำเนินโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศโดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาสนับสนุนผู้ลงทุนที่จะมาพัฒนาโครงการโดยเกิดการแข่งขันเสรีให้ระบบการขนส่งน้ำมันของประเทศมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด.- สำนักข่าวไทย