วอชิงตัน 8 ก.พ.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเสนอสภาออกกฎหมายห้ามการทำแท้งในช่วงปลายอายุครรภ์ หวังขยายฐานเสียงกลุ่มอนุรักษ์นิยมก่อนที่จะลงเลือกตั้งอีกสมัยในปีหน้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ประณามกฎหมายที่สภารัฐนิวยอร์กซึ่งมีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากผ่านความเห็นชอบเมื่อไม่นานมานี้ อนุญาตให้ทำแท้งในช่วงสามเดือนสุดท้ายของอายุครรภ์กรณีที่ชีวิตมารดาเสี่ยงอันตรายหรือทารกในครรภ์ไม่มีโอกาสรอด ประธานาธิบดีกล่าวว่า กฎหมายนี้พรากทารกจากครรภ์มารดาโดยที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลก ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของคนทุกคน ขอให้สภาผ่านร่างกฎหมายห้ามการทำแท้งในช่วงปลายอายุครรภ์ เพราะเด็กสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดขณะอยู่ในครรภ์มารดา
ด้านนายแอนดรู กัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กพรรคเดโมแครตเขียนลงหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า ทรัมป์และกลุ่มขวาจัดทางศาสนากำลังแพร่กระจายเรื่องเท็จเพื่อกระตุ้นฐานเสียงให้ร้อนรุ่ม กฎหมายสุขภาพการเจริญพันธุ์ของรัฐนิวยอร์กรับรองสิทธิของสตรีที่จะทำแท้งในช่วง 24 สัปดาห์แรกของอายุครรภ์ หรือเมื่อทารกในครรภ์ไม่มีโอกาสรอดชีวิต และอนุญาตให้ทำแท้งได้เมื่อชีวิตมารดาเสี่ยงหรือตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แต่กลุ่มขวาจัดยังคงทำให้คนเข้าใจผิดด้วยการอ้างอย่างน่าขันว่า กฎหมายนี้ให้ทำแท้งได้จนถึงนาทีสุดท้ายก่อนคลอด นายกัวโมชี้แจงเหตุผลที่ลงนามกฎหมายนี้ว่า เพื่อขัดขวางความพยายามของพรรครีพับลิกันที่จะทำให้ศาลฎีกามีแต่ผู้พิพากษาอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง หวังล้มกฎหมายโรแอนด์เวดปี 2516 ที่ศาลฎีกาอนุญาตให้ทำแท้งได้จนถึงอายุครรภ์ 24 สัปดาห์หากทารกไม่มีโอกาสรอดชีวิต ขณะที่บางรัฐห้ามทำแท้งหากอายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์
ปกติแล้วการทำแท้งในช่วงปลายอายุครรภ์เกิดขึ้นน้อยมาก ข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐระบุว่า การทำแท้งในปี 2558 กว่าร้อยละ 90 เกิดขึ้นขณะอายุครรภ์ไม่ถึง 13 สัปดาห์ และมีเพียงร้อยละ 1.3 เท่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์เกิน 21 สัปดาห์ ผลสำรวจของกัลลัพพบว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 60 สนับสนุนให้การทำแท้งช่วงสามเดือนแรกเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หากเป็นการทำแท้งช่วงหกเดือนแรกมีผู้สนับสนุนลดลงเหลือร้อยละ 28 และหากเป็นการทำแท้งช่วงสามเดือนสุดท้ายมีผู้สนับสนุนเพียงร้อยละ 13 เท่านั้น.- สำนักข่าวไทย