วอชิงตัน 25 ม.ค.- เจ้าหน้าที่สหรัฐและเม็กซิโกเผยว่า สหรัฐจะเริ่มส่งผู้ขอลี้ภัยที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิกันกลับไปยังเมืองพรมแดนเม็กซิโกเป็นชุดแรกในวันนี้ ตามนโยบายพิธีสารคุ้มครองผู้เข้าเมือง (เอ็มพีพี) ที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม
นโยบายเอ็มพีพีของกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐจะส่งผู้เข้าเมืองไม่ใช่ชาวเม็กซิกันที่ข้ามเข้ามาทางพรมแดนทางใต้ของสหรัฐกลับไปยังเมืองติฮัวนาของเม็กซิโกระหว่างรอศาลผู้เข้าเมืองของสหรัฐดำเนินกระบวนการขอลี้ภัย หวังยับยั้งคลื่นผู้เข้าเมืองที่อ้างว่าหนีความรุนแรงในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวจากอเมริกากลาง แต่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแย้งว่า ข้ออ้างของหลายรายไม่เข้าเกณฑ์ ส่วนเด็กที่เดินทางตามลำพังหรือมากับครอบครัวอาจได้รับการยกเว้นเป็นกรณีไป
จำนวนผู้ลอบเข้าเมืองที่เข้ามาด้านพรมแดนทางใต้ของสหรัฐลดลงมากตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์ใช้นโยบายเข้มงวด แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้มีครอบครัวและเด็กหลั่งไหลมาจากเอลซัลวาดอร์ ฮอนดูรัส และกัวเตมาลามากขึ้น ทำให้จำนวนการยื่นขอลี้ภัยเพิ่มขึ้นมาก โดยเมื่อปีที่แล้วมีมากถึง 93,000 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากปี 2560 ปกติแล้วผู้ขอลี้ภัยมักได้รับอนุญาตให้พำนักในสหรัฐระหว่างรอศาลผู้เข้าเมืองพิจารณา แต่การที่มีใบสมัครคั่งค้างรวมกว่า 800,000 รายทำให้กระบวนการเหล่านี้อาจกินเวลานานหลายปี รัฐบาลสหรัฐจึงหันมาใช้นโยบายส่งกลับไปเม็กซิโกเพื่อรอขึ้นศาล หากศาลไม่ให้ลี้ภัยก็จะถูกเนรเทศกลับประเทศบ้านเกิด
ด้านเม็กซิโกประกาศแล้วว่า จะไม่รับผู้ขอลี้ภัยที่ดูแล้วเป็นภัยต่อประเทศ ขณะที่กลุ่มสิทธิเตือนว่า ผู้เข้าเมืองเสี่ยงถูกแก๊งอาชญากรรมและแก๊งค้ามนุษย์ในเม็กซิโกลักพาตัว อีกทั้งอาจไม่มีที่ปรึกษาทางกฎหมายเป็นตัวแทนในศาล อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าเม็กซิโกจะสามารถรองรับผู้เข้าเมืองจำนวนมากที่ถูกส่งจากสหรัฐอย่างไร เพราะเมืองพรมแดนเม็กซิโกบางแห่งเกิดเหตุรุนแรงมากกว่าประเทศที่พวกเขาเดินทางออกมาเสียอีก.- สำนักข่าวไทย