กรุงเทพฯ 23 ธ.ค.-สมชัย เรียกร้อง กกต. เร่งตรวจสอบโดยที่ไม่ต้องรอให้ถึง 30 วัน เนื่องจาก พ.ร.ป.กกต. ม.22 ให้อำนาจหน้าที่ ได้อย่างเต็มที่ และหากไม่ดำเนินการอาจจะเกิดความล่าช้าและอาจเข้าข่ายการปฎิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงกรณีการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า จากการดูแผนผังของการจัดโต๊ะจีน มีข้าราชการการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง 4 รายการ คือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ เลขาธิการพรรค และประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์พรรคพรรคพลังประชารัฐ มีโควต้า จำนวน 4 โต๊ะ เป็นเงิน 12 ล้านบาท นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัวหน้าพรรค มีโควต้า 1 โต๊ะ จำนวน 3 ล้านบาท นายณพพงศ์ ธีระวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการอุตสาหกรรม โควต้า 24 โต๊ะ จำนวน 72 ล้าน และกรรมการบริหาร พบว่ามี 7 คน ใน 26 คน ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีโควต้า 3 โต๊ะ 9 ล้านบาท รวม 4 รายการมี 32 โต๊ะ รวมเป็นเงิน 96 ล้านบาท การบริจาคดังกล่าวอาจสุ่มเสี่ยงผิดต่อ พ.ร.ป. พรรคการเมือง มาตรา 73 ที่ห้ามมิให้ข้าราชการการเมือง ใช้สถานะหรือตำแหน่งหน้าที่บริจาคเงินต่อพรรคการเมือง
นายสมชัย กล่าวว่า กรณี ของนายสนธิรัตน์ นายอุตตม และกรรมการบริหารพรรคทั้ง 7 คน หากใช้เงินส่วนตัวและไม่เกิน 10 ล้านบาทจะถือว่าไม่เป็นความผิด แต่หากพบว่าเกินและไม่ทราบแหล่งที่มา ก็จะผิดกฎหมาย ตามมาตรา 127 ที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73 ซึ่งอาจมีโทษทั้งจำและปรับและถูกตัดสิทธิ์ เลือกตั้ง 5 ปี ขณะที่ นายณพพงศ์ ก็ไม่พบว่า มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการแต่งตั้งตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง เรื่องนี้อาจมีความซับซ้อน และอาจเป็นการอาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อหาเงินเข้าพรรค จึงต้องการให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ชี้แจงเพราะมาตรา 73 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองไม่ครอบคลุมการเอาผิด
นายสมชัย ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบโดยที่ไม่ต้องรอให้ถึง 30 วัน เนื่องจาก พ.ร.ป.กกต.ในมาตรา 22 ให้อำนาจหน้าที่ ได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นในเวลาระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม และหากไม่ดำเนินการอาจจะเกิดความล่าช้าและอาจเข้าข่ายการปฎิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 .- สำนักข่าวไทย