ดันอีสานตอนบน-กลางเขตเศรษฐกิจชีวภาพครบวงจร

ขอนแก่น 12 ธ.ค. – รมว.อุตฯ เตรียมผลักดันพื้นที่อีสานตอนกลางและตอนบนเป็นเขตเศรษฐกิจชีวภาพครบวงจร นำร่องอ้อย


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นที่สมาคมชาวไร่อ้อย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลเร่งผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่เรียกว่า “เศรษฐกิจฐานชีวภาพ หรือ Bio Economy”  ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เกิดอุตสาหกรรมที่นำผลผลิตไปทำสินค้าตัวใหม่ที่มีมูลค่าสูงกว่าน้ำตาลส่งผลให้ราคาอ้อยสูงขึ้น 

นายอุตตม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบเศรษฐกิจฐานชีวภาพ เพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 เห็นชอบมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยปี 2561 – 2570 เพื่อผลักดันให้ไทยเป็น Bio Hub of ASEAN ภายในปี 2570  ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพในประเทศอย่างน้อย 190,000 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 85,000 บาทต่อคนต่อปี  ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบทางชีวภาพและมีศักยภาพด้านวัตถุดิบเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก และส่งออกมันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก หากมีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชเศรษฐกิจหลัก โดยนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพใน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ พลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) เคมีชีวภาพ (Biochemical) และชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical) ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้กับสินค้าเกษตรในอนาคต และเป็นการเพิ่มรายได้จากฐานเดิมและต่อยอดไปสู่การสร้างฐานรายได้ใหม่ 


สำหรับพื้นที่ที่มีการผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจชีวภาพครบวงจร เพื่อยกระดับเป็น Bio Hub ตามนโยบายรัฐบาล ปัจจุบันเริ่มมีการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ขณะนี้รัฐบาลจะต่อยอดอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพออกไปนอกเขตอีอีซี โดยภาคเอกชนสนใจที่จะลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนบนครอบคลุมจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชรและขอนแก่น หากขยายพื้นที่การลงทุนต่อไปให้ครอบคลุมในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนบนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ชัยภูมิ มุกดาหาร และอุดรธานี โดยต่อยอดจากอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปจากอ้อยเป็นอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีฐานการผลิตแข็งแกร่งในการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพให้ไปสู่ Bio Hub ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์และรายได้เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกรในพื้นที่ 

ส่วนต่อขยายการลงทุนในโครงการ Bioeconomy ภาคอีสานตอนกลาง มีการลงทุน 29,705 ล้านบาท จังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม Bioeconomy ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ร่วมกับ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG),โครงการผลิตเอ็นไซม์น้ำ YeastProbiotics และ Beta-glucan ของกลุ่มบริษัท เอเชียสตาร์เทรด จำกัด (AST) และบริษัท เอเชียสตาร์แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (ASAH), โครงการ DriedYeast-เอมไซม์ไฟเตส  สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร-Lactic Acid/Sugar Alcohol สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร/เครื่องสำอางของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ,บริษัท ดีเอสเอ็มนิวทริชั่นแนลโปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด (DSM), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) และบริษัท อูเอโนไฟน์เคมีคัลส์อินดัสตรี(ประเทศไทย) จำกัด (UENO) 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อซื้อปัจจัยการผลิต หรือ โครงการเงินช่วยเหลือ 50 บาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม  2561 วงเงินงบประมาณ 6,500 ล้านบาท โดยรัฐบาลเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับราคาอ้อยในฤดูการผลิต (61/62) โดยจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยกับสํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย  50 บาทต่อต้นอ้อย แต่ไม่เกินรายละ 5,000 ตัน โดยงวดแรกจะจ่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และส่วนที่เหลือจะจ่ายให้หลังจากปิดหีบแล้ว 


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบนโยบายและสั่งการให้สํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายปรับบทบาท เพื่อรองรับและเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงคร้ังใหญ่ของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ทั้งเงื่อนไขทางการค้าระหว่างประเทศและปัญหาราคาสินค้าตลาดโลกตกต่ำนำมาซึ่งการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ รวมถึงการปรับแก้กฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป 

ส่วนอีกบทบาทหรือภารกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรมดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การพัฒนานําหน่วยงานใหม่ที่มีความพร้อม โดยดำเนินการ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. การจัดต้ังศูนย์ปรับปรุงพันธ์อ้อยแห่งประเทศไทย (TSBC) ภายในศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 1 จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งศูนย์ดังกล่าวได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางปรับปรุงพันธ์อ้อยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเทคโนโลยีชีวภาพที่ดีและทันสมัยที่สุดในเอเชีย 2. การพัฒนาศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้ง 4 ศูนย์ภาคให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่ละด้าน เพื่อให้คำปรึกษาแนะนําและร่วมศึกษาวิจัยกับภาคเอกชน ประกอบด้วย ศูนย์ฯ ภาคที่1 จังหวัดกาญจนบุรี เชี่ยวชาญในด้านการปรับปรุงพันธ์อ้อย ศูนย์ฯ ภาคที่ 2 จังหวัดกําแพงเพชร เชี่ยวชาญในด้านเกษตรสมัยใหม่ ศูนย์ฯ ภาคที่ 3 จังหวัดชลบุรี เชี่ยวชาญในด้านโรคและแมลงศัตรูพืช และมีแผนในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ และศูนย์ฯ ภาคที่4 จังหวัดอุดรธานี เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ดินและปุ๋ย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมจะขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นองค์กรที่สามารถให้ความรู้ให้คําปรึกษาแนะนํากับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมชีวภาพเกิดข้ึนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.