สาววัย 33 ปี แจ้งจับหนุ่มรู้จักทางแอปหาคู่ หลอกยืมเงิน 6.5 แสนบาท

สมุทรปราการ 11 ธ.ค.- สาวพนักงานบริษัทวัย 33 ปี หอบหลักฐานแจ้งตำรวจ สน.บางนา ถูกหนุ่มที่รู้จักผ่านแอปหาคู่ หลอกขอยืมเงินหลายครั้ง รวมเป็นเงินถึง 650,000 บาท พอทวงถามก็บ่ายเบี่ยง แถมรู้ทีหลังมีครอบครัวแล้ว


เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ เดินทางนำหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สน.บางนา ให้ดำเนินคดีกับนายบรรพต อายุ 40 ปี ที่หลอกลวงให้เงินสดไปให้รวมเป็นเงิน 650,000 บาท

น.ส.บี เล่าว่า รู้จักกับนายบรรพต ผ่านทางแอปพลิเคชัน Kooup เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา นายบรรพตบอกว่า ชื่อโชติ เป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ใน จ.สมุทปราการ จากนั้นก็มีการพูดคุยและวิดีโอคอลผ่านแอปดังกล่าว กระทั่ง 21 สิงหาคม นายบรรพต เริ่มขอยืมเงินตนครั้งแรกเป็นเงิน 1,000 บาท โดยอ้างว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไปทำงาน แล้วไม่มีเงินกินข้าว จากนั้นก็ยังมีการติดต่อกันตลอด โดยนายบรรพต มักพูดจาให้กำลังใจในเรื่องของการทำงาน ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม นายบรรพต อ้างว่าเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.ลพบุรี แต่ลืมเอากระเป๋าสตางค์ไปอีกแล้ว ตนก็โอนไปให้ 2,000 บาท ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ยังไม่ได้มีความเคลือบแคลงหรือสงสัย เพราะวิดีโอคอลเห็นหน้ากันทุกวัน

แต่ระยะหลังนายบรรพต อ้างว่าพ่อป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วเงินไม่พอ ให้ตนโอนเงินให้หลายครั้ง และวันหนึ่งนายบรรพต อ้างว่าจะโดนฟ้อง และเสียค่าปรับเนื่องจากงานที่รับเหมาส่งงานไม่ทัน ต้องเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางฝ่ายว่าจ้าง ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ตนเองก็ต้องโอนเงินไปให้อีกหลายครั้ง ซึ่งเคยโอนครั้งละมากที่สุดมากถึง 32,000 บาท โดยทุกครั้งที่ให้โอนเงิน นายบรรพต ก็จะปากหวานบอกกับตนว่า รักนะ ได้เงินมาจะรีบโอนคืนให้ทันที และขอให้ไว้ใจในตัวของนายบรรพต ซึ่งตนเองก็เริ่มจะสงสัย เพราะทวงถามเงินทีไร นายบรรพต จะอ้างไม่สบาย และบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง


กระทั่ง  2 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนไปเห็นในไทม์ไลน์ของนายบรรพต พบว่ามีครอบครัวมีลูกแล้ว โดยพบนายบรรพตถ่ายรูปคู่กับลูกชาย จึงพยายามทวงถามเงินที่ยืมไป แต่นายบรรพต พูดตัดบททุกครั้ง ล่าสุด วันที่ 8 ธันวาคม ตนอยากพบตัวนายบรรพต จึงขอนัดเจอกัน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อนายบรรพต ได้อีกเลย

ตนจึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่ๆ จึงรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ ให้ติดตามตัวนายบรรพต นำเงินทั้งหมดมาคืนตน เพราะเป็นเงินจากนำพักนำแรง และเป็นเงินที่ใช้บัตรเครดิตรูดมาให้ยืม ซึ่งขณะนี้ทำให้ตนเดือดร้อนมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว