กรุงเทพ ฯ 7 ก.ย. เอสเอ็มอีขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ SME Rescue Center มากกว่า 1,700 ราย พร้อมรอจัดสรรงบก้อนใหม่ 2,000 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs (SME Rescue Center) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs (SME Rescue Center) ครบ 1 เดือน เพื่อเป็นช่องทางการรวบรวมปัญหาและแนวทางการฟื้นฟูผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ ที่ขาดปัจจัยเอื้อต่อการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมให้กลับมาเข้มแข็งและธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ยื่นเรื่องร้องขอความช่วยเหลือผ่านจุดบริการทั่วประเทศผ่านหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน พบว่า นับจากเริ่มเปิดศูนย์ฯ วันที่ 21 กรกฎาคม – 5 กันยายน 2559 มีผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือมาทั้งสิ้น 1,075 ราย 2,060 เรื่อง โดยมีผู้ประกอบการ SMEs จากกรุงเทพฯ ร้องขอความช่วยเหลือสูงสุด จำนวน 85 ราย รองลงมาได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา 71 ราย จังหวัดแพร่ 60 ราย จังหวัดอุบลราชธานี 34 ราย จังหวัดเพชรบูรณ์ 31 ราย และส่วนใหญ่เป็นการร้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินที่ขาดแคลนเงินทุน เป็นจำนวน 920 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของจำนวนผู้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ปัญหาด้านการตลาด จำนวน 427 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ปัญหาด้านการผลิต จำนวน 284 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 และด้านการบริหาร จำนวน 157 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ที่เหลือเป็นด้านมาตรฐานสินค้า ด้านคดีความและด้านอื่นๆ ตามลำดับ
ทั้งนี้จากจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ได้ยื่นร้องขอความช่วยเหลือเข้ามานั้น ทางศูนย์ฯ สามารถให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูให้แก่ผู้ประกอบการให้กลับมาเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้แล้ว 37 ราย และมีเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีกกว่า 1,739 ราย ที่อยู่ในขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับด้านการขาดแคลนเงินทุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีปัญหาด้านการขาดแคลนเงินทุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปใช้ในประกอบธุรกิจจะรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับงบประมาณก้อนแรก 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจากกระทรวงการคลัง .-สำนักข่าวไทย