ปทุมธานี 29 พ.ย.- นับวันผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่คลินิกดังย่านเมืองเอก จ.ปทุมธานี จะมีมากขึ้น ล่าสุด มีหญิงสาวที่ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก เข้าร้องเรียนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีให้ตรวจสอบ
สาวสวยวัย 26 ปีคนนี้ คือเหยื่อรายล่าสุด เธอเล่าว่า รู้จักคลินิกนี้จากเฟซบุ๊ก ดูจากรีวิวพบว่าทีมแพทย์มีความชำนาญ จึงตัดสินใจจ่ายเงิน 40,000 บาท เพื่อผ่าตัดอัปไซส์ 1 วันก่อนขึ้นเขียง เธอตรวจสอบไปยังคลินิกทราบว่า แพทย์ผู้ที่จะผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ชื่อ นพ.อลงกรณ์ ซึ่งไม่ใช่แพทย์ที่เธอจองคิวไว้ ระหว่างผ่าตัดได้ยินเสียงหมอปรึกษาผู้ช่วยตลอดเวลาว่าต้องทำอย่างไรต่อ หลังผ่าตัดกลับไปพักฟื้นที่บ้าน พบแผลผ่าตัดที่หน้าอกซ้ายเริ่มปริ ปรึกษาหมอบอกว่า ให้ไปซื้อยากินเอง จากนั้นแผลก็อักเสบ ผ่านไป 3 เดือน แม้อาการอักเสบจะหายแล้ว แต่ยังพบความผิดปกติหัวนมไม่เท่ากัน และมีก้อนกลมอยู่ใต้ราวนม ซึ่งรู้สึกเจ็บในตอนเช้า เมื่อทวงถามความรับผิดชอบก็ถูกปัดไปให้เซลล์
นพ.สสจ.ปทุมธานี นำทีมบุกไปยังคลินิกดังกล่าว แต่คลินิกไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ ผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ได้รับการเปิดเผยว่า คลินิกแห่งนี้มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง แต่มีการเปลี่ยนเจ้าของตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเปลี่ยนชื่อคลินิก โดยชื่อแพทย์ผู้ดำเนินการยังเป็นคนเดิม ซึ่งทนายความของคลินิกยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสริมหน้าอกที่มีปัญหา เนื่องจากเมื่อเปลี่ยนเจ้าของแพทย์ผ่าตัดและพนักงานก็เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ระหว่างตรวจสอบกลับไม่พบแพทย์ และที่สำคัญคือไม่พบหลักฐานเวชระเบียนของผู้ป่วยทั้งรายเก่าและรายใหม่ ยกเว้น 5 รายที่เข้ารับบริการระหว่าง 26-29 พ.ย. โดยมีชื่อพนักงาน 3 คน เป็นผู้ตรวจรักษา ไม่ใช่หมอ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาพนักงาน ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทั้งๆ ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ส่วนแพทย์ผู้ขึ้นทะเบียนดำเนินการแเจ้ง 2 ข้อหา พร้อมเตรียมเสนอสั่งปิดคลินิกทันที
ทนายรณรงค์ ตั้งข้อสังเกตว่าแม้จะเปลี่ยนเจ้าของคลินิกแล้ว แต่เหตุใดยังมีการใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจเดิม และนำรูปภาพรีวิวของคลินิกเดิมามาใช้ โดยเปลี่ยนเฉพาะชื่อเพจเท่านั้น ซึ่งเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน ยืนยันจะเอาผิดให้ถึงที่สุด
สสจ.ปทุมธานี เตรียมยื่นเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ผู้เสียหาย เบื้องต้นพบแล้ว 5 ราย อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามพนักงานของคลินิกที่มาทำงานได้ประมาณ 1 เดือน ทราบว่าไม่เคยพบหน้าแพทย์ผู้ขึ้นทะเบียนดำเนินการแม้แต่ครั้งเดียว.-สำนักข่าวไทย