กรุงเทพ ฯ 8 ก.ย. – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ปีนี้ โตร้อยละ 3-5 หลายปัจจัยหนุนตลาดบ้านครึ่งปีหลังขยายตัว โดยเฉพาะกำลังซื้อเพิ่มหลังหมดภาระรถยนต์คันแรก
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการปล่อยสินเชื่อบ้านทั้งระบบว่า ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) รายงานว่า ในช่วงครึ่งปีแรกปี 59 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า สินเชื่อปล่อยใหม่อยู่ที่ 290,889 ล้านบาท โตร้อยละ 5.6 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดปีนี้คาดว่า สินเชื่อใหม่จะทำยอดได้ที่ 590,000-610,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 3-5 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปีก่อนที่โตแค่ร้อยละ 0.4 เท่านั้น
ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างครึ่งปีแรกเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าขยายตัวร้อยละ 4 อยู่ที่ 3.2 ล้านล้านบาท และตลอดปีนี้ คาดว่าจะมียอดอยู่ที่ 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 8-10
ส่วนแนวโน้มตลาดสินเชื่อบ้านกรุงศรี ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากหลายปัจจัยหนุน ทั้งทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น เม็ดเงินลงทุนในภาครัฐทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาระหนี้จากโครงการรถยนต์คันแรกทยอยครบกำหนดในเดือนกันยายนนี้ ส่งผลให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาบางส่วนอีก ทั้งจะมีคอนโดมิเนียมที่รอโอนจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเพิ่มจาก 52,000 ล้านบาทเป็น 65,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 30 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างในปี2559 คาดว่าอยู่ที่ 200,000 ล้าน จาก 6 เดือนแรกปีนี้ มียอดสินเชื่อคงค้าง 180,479 ล้านบาท และจะรักษาระดับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPLไว้ที่ร้อยละ 2.6
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารกรุงศรีฯ จะมุ่งขยายไปยังตลาดกลุ่ม developer ชั้นนำในระดับท้องถิ่นตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศและผลักดันผลิตภัณฑ์ทางเลือก Home for Cash สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อยหรือผู้ประกอบการที่ต้องการเสริมสภาพคล่องเพื่อเป็นทางเลือกใหม่และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า นอกจากนี้กรุงศรีฯ ร่วมกับ developer ชั้นนำ 6 รายใหญ่ นำเสนอแคมเปญอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4 ระยะเวลา 5 ปีและอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5 ระยะเวลา 7 ปีเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการวางแผนการเงินระยะยาวในช่วงที่ที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย