กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – ก.เกษตรฯ สั่งทุกกรมเร่งขับเคลื่อนปลูกข้าวโพดหลังนา พร้อมสั่งดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา” โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมทั้งผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมประกันวินาศภัยเข้าร่วมรับทราบแนวทางปฏิบัติงาน
นายกฤษฎา กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบการปฏิรูปภาคการเกษตร ซึ่งในนโยบายการตลาดนำการผลิต จัดทำเป็นแผนการผลิตภาคการเกษตรของประเทศ ทำงานแบบประชารัฐ บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้แลมีคะณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งหวังให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการทำนาปรังในหน้าแล้งมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยซึ่งเป็นที่ตลาดต้องการ อีกทั้งลดผลผลิตข้าวส่วนเกินเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เช่น การหาตลาดเกษตรล่วงหน้า การทำประกันภัยพืชผล รวมทั้งการสนับสนุนความรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีเงินทุนเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย
สำหรับการจัดงานสัมมนาครั้งนี้เป็นครั้งแรกของคณะทำงานในพื้นที่ 33 จังหวัด ซึ่งจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยขณะนี้เกษตรกรบางส่วนเริ่มปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว จึงขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันดูแลติดตามช่วยเหลือเกษตรกรอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรจัดทำแปลงสาธิตพร้อมถ่ายทอดความรู้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรตลอดฤดูปลูกทุกจังหวัด อีกทั้งกำชับให้กรมชลประทานวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำระหว่างเพาะปลูกเพื่อเตรียมแผนบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอตลอดฤดูเพาะปลูก 4 เดือน
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญต้องดูแลการทำสัญญารับซื้อผลผลิตระหว่างเกษตรกรกับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ โดยให้ได้รับความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ตามหลักกฎหมายส่งเสริมเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม และขอให้เกษตรกรดำเนินการผ่านกลุ่มเกษตรกรที่จัดตั้งไว้ เพื่อมีความเข้มแข็ง ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น เกษตรแปลงใหญ่ สหกรณ์การเกษตร กลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน เป็นต้น เพื่อจะสามารถลดต้นทุนการผลิต มีสามารถกต่อรองราคาขายผลผลิตที่เหมาะสมและเป็นไปตามกลไกตลาด
“หลังจากปลูกข้าวโพด 15 วัน ขอให้เกษตรกรแจ้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น FARM BOOK เพื่อปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรด้วยตัวเอง สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจะมีระบบเตือนการเพาะปลูกที่เหมาะสมตามระยะของการปลูก เช่น ช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมในการใส่ปุ๋ย หรือ ให้น้ำ รวมถึงวิธีการเก็บเกี่ยว” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับผลการรับสมัครเกษตรกร เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 รวมเกษตรกร 85,422 ราย พื้นที่ 738,269.75 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 72.64 จากการสำรวจความต้องการของเกษตรกร (ผลการสำรวจ : เกษตรกร 116,598 ราย รวมพื้นที่ 1,015,845.25 ไร่) โดยจะรับสมัครไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการปลูก เนื่องจากหากปลูกหลังจากนี้ ผลผลิตจะไปออกช่วงเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ส่งผลให้ความชื้นสูงและเมล็ดเสียได้ง่าย
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีฟลอร่าพาร์คนั้น ได้สั่งการให้เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตรวจสอบกฎหมายว่าระหว่างผู้ครอบครองที่ดินฟลอร่า พาร์ค ขอเลื่อนชี้แจงปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเป็นวันที่ 6 ธันวาคมนี้ สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมงานมหัศจรรย์พันธุ์ไม้นานาพันธุ์เก็บค่าเข้าชมได้หรือไม่ หากฝ่ายกฎหมายของ ส.ป.ก. พบว่า เปิดกิจการไม่ได้ ให้เลขาธิการ ส.ป.ก.สั่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนจะเข้าข่ายการยึดคืน เนื่องจากเป็นการรวมแปลงเกิน 100 ไร่ ตามมาตรา 44 ในคำสั่ง คสช. หรือไม่นั้น ต้องให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานสรุปความผิด ทาง ส.ป.ก.จึงจะเข้ายึดพื้นที่คืนได้.-สำนักข่าวไทย