ภูเก็ต 17 พ.ย.- เหตุเรือฟีนิกซ์ล่มเกาะเฮ-ภูเก็ต นาน 5 เดือน ทีมปฏิบัติการกู้ซากได้สำเร็จแล้วจากความลึก 45 เมตร พร้อมยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตในครั้งนั้น ก่อนลากขึ้นคานเรือเตรียมพิสูจน์หาสาเหตุเรือล่ม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 15.00 น. (17 พ.ย.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศลงเรือปะการัง กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามการกู้เรือฟีนิกซ์ในทะเลอันดามัน หลังเกิดอุบัติเหตุเรือล่มบริเวณเฮ เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 47 ราย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน
กระทั่งเวลา 15.25 น. ทีมปฏิบัติการกู้เรือฟีนิกซ์ใช้สลิงดึงซากเรือจากความลึก 45 เมตร ขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ พร้อมกันนี้ พล.ต.อ. รุ่งโรจน์ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ นำทีมงานและผู้ปฏิบัติงานร่วมยืนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที เมื่อซากเรือฟีนิกซ์ขึ้นสู่ผิวน้ำทั้งลำ เจ้าหน้าที่ได้ดูดน้ำในเรือออก จากนั้นตรวจสอบสภาพเรือว่ามีรอยรั่วหรือไม่ หากมีจะทำการซ่อมแซมอุดรอยรั่วและจะนำเรือลากจูงความยาว 34 เมตร มาลากจูงซากเรือไปขึ้นคานที่อู่รัตนชัย เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์หลักฐานจากทีมสำนักงานพิสูจน์หลักฐานและผู้เชี่ยวชาญด้านเรือจากต่างประเทศมาร่วมดำเนินการตรวจสอบเรืออย่างละเอียด
พล.ต.อ รุ่งโรจน์ กล่าวว่า ประมาณวันจันทร์หรือวันอังคารที่จะถึงนี้ จะเดินทางมาจะติดตามการตรวจสอบทางวิศวกรรมของเรืออย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อมูลและหลักฐานว่าเรือมีการก่อสร้างถูกต้องตามแบบแปลนที่กำหนดหรือไม่ เรือดังกล่าวมีการดำเนินการก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลไปประกอบทางคดีเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผลการดำเนินคดีจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบเรือด้วย หากพบการกระทำผิดก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การพยายามกู้เรือทุกภาคส่วนได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ความสำเร็จในวันนี้เบื้องต้น ได้รายงานผลการกู้ซากเรือสำเร็จ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณทีมปฏิบัติงานทุกคนที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้และขอให้ทุกคนปฏิบัติการด้วยความระมัดระวังยึดถือความปลอดภัยอย่างสูงสุด พร้อมทั้งขอขอบคุณสื่อมวลชนเป็นอย่างสูงที่ช่วยนำเสนอข่าวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อนำเรือไปขึ้นคานรัตนชัยก็จะเป็นกระบวนการพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานและผู้เชี่ยวชาญด้านเรือจากต่างประเทศ ร่วมกันตรวจสอบว่า เรือมีการต่อที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ ใครเป็นผู้อนุมัติ พิมพ์เขียว และพิมพ์เขียวมีความสมบูรณ์หรือไม่ มีซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบทุกข้อมูลในทุกด้านให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์อย่างที่สุด และจะดำเนินคดีอย่างสูงสุดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่จะร่วมกันตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในเรือโดยมีเจ้าหน้าที่จากกงสุลจีนประจำประเทศไทยมาร่วมปฏิบัติการด้วย เพื่อนำทรัพย์สินมอบให้ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย