ประจวบคีรีขันธ์ 10 ก.ย.-แฉคดี 8 นายทุนบุกรุกหาดหัวหิน ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้รื้อถอนผ่านมา 2 ปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งมีหนังสือแจ้งให้ผู้บุกรุกปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา ขณะที่ตำรวจไม่ดำเนินการจับกุมจำเลยที่ไม่ไปฟังคำพิพากษา จนรองผู้การฯประจวบฯสั่งให้ ผกก.ชี้แจงสาเหตุไม่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยเร็ว
พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรายงานความคืบหน้าคดีบุกรุกชายหาดในเขตเทศบาลหัวหิน กรณีนายทุน 52 ราย ก่อสร้างอาคารรุกพื้นที่ชายหาด ตั้งแต่ศาลเจ้าแม่ทับทิมถึงสะพานปลาหัวหิน เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารซีฟู้ดขนาดใหญ่ บ้านพักอาศัย บริเวณริมถนนนเรศดำริห์ ซึ่งเทศบาลเมืองหัวหินเป็นโจทก์ฟ้องผู้บุกรุกทั้งหมดตั้งแต่ปี 2546 และศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีคำพิพากษาเมื่อปี 2557 พร้อมกับมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลย 8 ราย ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.57 เนื่องจากไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าว ล่าสุดได้สั่งการให้ ผกก.สภ.หัวหิน เร่งรัดจับกุมจำเลยทั้งหมดตามหมายจับให้เรียบร้อยโดยเร็ว เนื่องจากจำเลยส่วนใหญ่ไม่ได้หลบหนี แต่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองท้องถิ่นในเมืองหัวหิน พร้อมทั้งให้รายงานชี้แจงสาเหตุที่ไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาตามอำนาจหน้าที่นานกว่า 2 ปี
ด้านนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 7 ก.ย.59 ให้จำเลยทุกรายปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา หลังจากพบว่าจำเลยยังไม่มีการรื้อถอนอาคารและยังไม่ได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลฎีกา ทั้งนี้ จำเลยอาจมีหนังสือยินยอมให้เทศบาลเมืองหัวหินเข้าดำเนินการรื้อถอน โดยผู้บุกรุกต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเอง โดยให้ดำเนินการภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในเวลาที่กำหนด เทศบาลจะพิจารณาตามขั้นของกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.บัญชา ปั้นประดับ รองผู้บังคับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) กล่าวว่า จากการติดตามความคืบหน้าคดีบุกรุกหาดหัวหิน พบว่ามีความล่าช้าผิดปกติ หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นเพิ่งมีหนังสือถึงจำเลยให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกชายหาดดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย