อุบลราชธานี 26 ต.ค.-เจ้าหน้าที่ ก.พัฒนาสังคมฯ จ.อุบลราชธานี ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 13 นอนเฝ้าแม่ที่รอฟอกไต ได้รับแบ่งข้าวจากพยาบาล หลังมีผู้โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายกรัฐมนตรี ขอความช่วยเหลือ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ นพรัตน์ ราษฎรเต็มขั้น ได้เขียนขอความช่วยเหลือไปยังเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ต.ค. โดยเล่าเรื่องที่ได้พบเห็นเด็กหญิงวัย 13 ปี ทราบชื่อว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ชาวบ้านใน ต.พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งไปนอนเฝ้าแม่ที่ต้องรอฟอกไตที่โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับแบ่งข้าวจากเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำตึกผู้ป่วยมากินระหว่างรอฟอกไตสัปดาห์ละ 3 วัน
หลังเขียนเฟซบุ๊กไปหา นายกรัฐมนตรี ก็ได้รับคำตอบ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงไปดูและให้การช่วยเหลือแม่และลูกสาวให้มีที่พัก มีอาหารรับประทาน ระหว่างรอการฟอกไตแล้ว
และช่วงค่ำของวันเดียวกัน นางนัฏญา จิตรเกาะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ของสำนักงาน ซึ่งได้รับคำสั่งกระกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ลงไปพบกับ น.ส.สมร อายุ 46 ปี และเด็กหญิงเอ สองแม่ลูก ขณะนอนรอการฟอกไตอยู่บริเวณทางเดินหน้าตึกผู้ป่วยอาคาร 3 ชั้น 1 เพื่อซักถามรายละเอียดและให้การช่วยเหลือตามที่ได้ร้องขอไปทางนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นทราบว่า น.ส.สมร ป่วยเป็นโรคไตมาได้ 5 ปี และเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เข้ารับการผ่าตัดด้วยอาการไตวายเฉียบพลันกับโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี และได้นอนพักรักษาตัวในห้อง ICU นานประมาณ 3 เดือน หลังอาการดีขึ้นแพทย์ได้ให้ น.ส.สมร กลับไปฟักฟื้นที่บ้านใน ต.พะลาน อ.นาตาล แต่ต้องมารับการฟอกไตและฟอกเลือดสัปดาห์ละ 3 วัน คือ วันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ช่วงแรก น.ส.สมร ได้ไปฟอกไตกับทางโรงพยาบาลประจำ อ.เขมราฐ ที่อยู่ใกล้บ้าน แต่ต่อมาคิวฟอกไตเต็ม ต้องมารับการฟอกไตที่โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง อยู่ห่างจากบ้านราว 100 กิโลเมตร ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับครั้งละ 600 บาท จึงตัดสินใจพักอาศัยนอนรออยู่บริเวณทางเดินของอาคารผู้ป่วย เพื่อรอคิวเข้ารับการฟอกไต แล้วจึงจะกลับไปพักที่บ้านประมาณสัปดาห์ละครั้ง โดยมีบุตรสาว ตามมาคอยดูแลผู้เป็นแม่ แม้ขณะนี้ โรงเรียนที่เด็กหญิงเอ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะเปิดเทอมแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปเรียน เพราะต้องดูแลผู้เป็นแม่ที่มีอาการป่วยค่อนข้างหนัก เนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนพี่สาว พี่ชายไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินส่งมาเลี้ยงดูแม่กับน้องสาวเป็นบางครั้งบางคราว 2,000-3,000 บาท หากต้องเดินทางไปกลับเพื่อฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็มีเงินไม่พอค่าใช้จ่าย จึงตัดสินใจนอนรอคิวอยู่ที่โรงพยาบาล
หลังทราบรายละเอียดทั้งหมดเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำสองแม่ลูกไปพักอาศัยที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุบลราชธานี ระหว่างรอการรักษาในแต่ละสัปดาห์ ขณะเดียวกันความช่วยเหลือในระยะยาว เจ้าหน้าที่จะประสานไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอเขมราฐและสำนักงาน สปสช. เพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ที่อยู่ใกล้บ้าน
ด้านการศึกษาของ ด.ญ.เอ ได้ประสานแจ้งความจำเป็นของเด็กให้กับทางโรงเรียนที่เด็กหญิงเอ ศึกษาอยู่ทราบแล้ว และทางโรงเรียนจะได้จัดแผนการศึกษามารองรับสามารถกลับไปศึกษาต่อได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาขอความช่วยเหลือจากกองทุนคุ้มครองเด็กใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและในครอบครัว โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามดูผลการเยียวยาช่วยเหลือในทุกๆ 3 เดือนต่อไปด้วย
ด้านนางปรีญา ประชุมแดง เพื่อนบ้านของนางสาวสมร และเด็กหญิงเอ เล่าว่า เป็นครอบครัวที่มีความเป็นอยู่ค่อนข้างแร้นแค้น หลังสามีนางสาวสมรเสียชีวิต ลูกที่โตก็ออกไปมีครอบครัวและส่งเงินมาให้แม่กับน้องใช้บ้างเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่ก็ได้เพื่อนบ้านในหมู่บ้านหยิบยื่นช่วยเหลือกันเอง.-สำนักข่าวไทย