กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรณี “บอย สกล” แอบอ้างเป็นนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แฝงตัวเข้านั่งในชั้นเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ร่วม 4 ปี และความจริงเพิ่งเปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์ ล่าสุดจุฬาฯ เตรียมเอาผิดฐานแอบอ้างให้เสียชื่อเสียง ขณะที่จิตแพทย์ชี้พฤติกรรมดังกล่าวจะกลายเป็นโรคทางจิตเวช ทีมข่าวลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้ บอกว่า รู้จัก “บอย สกล” ในฐานะรุ่นพี่ปี 4 ของคณะ แต่เพิ่งรู้ความจริงว่า สวมรอยเข้าชั้นเรียน ร่วมกิจกรรมมหาวิทยาลัยหลายกิจกรรมอย่างแนบเนียน และรุ่นพี่ปี 4 ที่สนิทกับ “บอย สกล” เล่าให้ฟังว่า นานๆ บอยจะเข้าเรียน แต่ละครั้งมาไม่นาน แล้วอัพรูปลงโซเชียล ทุกคนตกใจและงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ประธานนิสิตจุฬาฯ ซึ่งเรียนคณะเดียวกับ “บอย สกล” บอกกับทีมข่าวว่า หลังจากความจริงเปิดเผย เจ้าตัวปิดทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ และมือถือ ส่วนสาเหตุที่จับโกหกได้ คือ บอยไปสมัครเป็นหัวหน้าโครงการค่ายวิชาการ แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบชื่อในสารบบของมหาวิทยาลัย และพบว่าแฝงตัวเข้ามาตั้งแต่ปี 2558 นำรหัสนิสิตคนอื่นไปแอบอ้างร่วมกิจกรรมรับน้อง ถือป้ายในงานฟุตบอลประเพณี ก่อนหน้านี้เคยแอบอ้างเรียนโรงเรียนดังในกรุงเทพฯ โชคดีที่จับผิดได้ก่อน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับรูมเมทที่อยู่หอเดียวกันกับ “บอย สกล” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ยอมรับเพิ่งทราบความจริงและตกใจ เพราะบอยจะใส่ชุดนิสิตจุฬาฯ ไปมหาวิทยาลัยตามปกติ และบอกว่าซิ่วมาจากมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง และตั้งใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่ได้ไป เลยมาเข้าจุฬาฯ
จิตแพทย์วิเคราะห์พฤติกรรมลักษณะนี้ว่า เกิดจากภาวะทางจิตใจที่ต้องการการยอมรับจากสังคม และสร้างความภาคภูมิใจให้ตนเอง โดยการโกหก อาจเข้าข่ายจิตเวช ไม่ใช่โรคทางสมอง แต่เกิดจากการเรียนรู้ทางพฤติกรรม ที่เมื่อโกหกแล้วจับไม่ได้ ก็ทำจนเคยชินต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ บางคนถึงขั้นเชื่อว่าตนเองเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเมื่อถูกจับได้จะเกิดอาการทางอารมณ์มากกว่าเดิม เช่น ขาดความมั่นใจ กลัวสังคม และอาจเกิดโรคซึมเศร้าในที่สุด
ล่าสุดรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต จุฬาฯ ให้ฝ่ายกฎหมายจุฬาฯ รวบรวมหลักฐาน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับ “บอย สกล”
กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งแรกที่มีการแอบอ้างได้ยาวนานเกือบ 4 ปี ถือเป็นกรณีศึกษาที่ทุกมหาวิทยาลัยต้องเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ รัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันการแอบอ้างไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียขึ้นได้อีก. – สำนักข่าวไทย