28 ก.พ. – “แอ๊ด คาราบาว” เชียร์รุ่นน้องสู้ ลั่น อุเทน-จุฬาฯ คือพี่น้อง ขณะที่อาจารย์เจษฎ์ สวนกลับ อยู่มาร่วม 30 ปี ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นพี่น้อง
โดย 1 ในศิษย์เก่าอุเทนถวาย อย่าง ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ด้วยข้อความว่า “…อุเทนสู้ๆ อุเทนสู้ตาย… เสียดายผมอยู่อังกฤษ…ถ้าบ้านนี้เมืองนี้ มีแต่คนออกแบบ แต่ขาดไร้ซึ่งช่างก่อสร้าง โลกคงจบสิ้นไปนานแล้ว… อุเทนถวายกับจุฬาลงกรณ์ เป็นเสมือนพี่น้องกันที่ในหลวงรัชการที่ 6 ทรงพระราชทานแผ่นดินคนละผืน (อุเทนฯ ผืนเล็ก จุฬาฯผืนใหญ่) เพื่อมุ่งหวังให้ช่วยกันสร้างบ้านแปลงเมืองให้รุ่งเรืองมาตราบจนทุกวันนี้ เเต่เหตุไฉน ? จุฬากลับใช้เล่ห์เพทุบาย จะมายึดแผ่นดินผืนเล็กๆของเราชาวอุเทนฯ จนต้องยืมมือท่านเปา (อาจจะเป็นศิษย์เก่า) มาเอาผืนแผ่นดินของเรา…มันยุติธรรมแล้วหรือ สมัยมหาสงครามโลก เอเซียบูรพาญี่ปุ่นทิ้งระเบิดใส่สยาม ก็ได้บรรพชนของเราชาวเพาะช่างอุเทนถวาย ไปบูรณะซ่อมแซมจนกลับมาใช้ได้ดีดังเดิม ตำนานเพาะช่างอุเทนถวายจะต้องย้ายแผ่นดินที่ในหลวงทรงพระราชทานให้พวกเรา ผมรับไม่ได้ และขอประท้วงจุฬาฯ ผู้นำมาซึ่งความไม่ชอบธรรมนี้ด้วย 3 เกิบ หากเรารักสมัครจิตก็จงคิดสมัครมือ ถิ่นสีน้ำเงิน คือ ที่รวมรักสมัครคง…ครับพี่น้อง”
จากโพสต์ของน้าแอ๊ด ทำให้ “อ.เจษฎ์” รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาโต้ โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถามกลับไปยัง น้าแอ๊ด ถึงประเด็นความเป็นพี่น้องของ 2 สถาบันว่า “อุเทนถวายกับจุฬาลงกรณ์ เป็นเสมือนพี่น้องกันผมอยู่ในรั้วจุฬาฯมาตั้งแต่เด็กประถม จนถึงทำงานตอนนี้ ก็ร่วมจะ 30 กว่าปีแล้ว ไม่เคยรู้สึกซักนิดเลยครับ ว่าเป็นพี่น้องกับเค้า หึๆๆ”
ทีมข่าวได้สอบถามไปทางฝั่งอุเทนถวาย หลังออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ นายธวัช วชิระบงกช นักศึกษาปริญาโทอุเทนถวาย บอกว่า ตอนนี้ฝั่งของตน กำลังรอทางรัฐมนตรี อว. ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาแก้ปัญหา ซึ่งมี 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายอุเทนฯ ฝ่ายจุฬาฯ และฝ่ายกระทรวงฯ พร้อมย้ำว่าในคำสั่งของศาลปกครองกลาง ไม่ได้ระบุให้อุเทนฯ ย้ายออกจากพื้นที่ หากได้อ่านคำพิพากษาทั้งหมดก็จะเข้าใจ ประเด็นนี้ตนได้ยื่นหลักฐานให้ทางรัฐสภา และกระทรวง อว.ไปแล้ว ซึ่งหากมีหลักฐานว่าอุเทนถวาย เช่าที่จากจุฬาฯ จริง ก็ขอให้นำสัญญาเช่าออกมาเปิดเผย และยืนยันว่า ทางอุเทนถวายยังรับนักศึกษาปี 1 และจะได้เรียนที่เดิมแน่นอน พร้อมทั้งวอนสังคม อย่ามองว่าอุเทนฯ เป็นเด็กดื้อ แต่ขอให้รอดูหลักฐานทั้งหมดก่อน
มีความเห็นจาก ศ.ดร.ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า เป็นห่วงปัญหาจะบานปลาย เรื่องนี้ต้องเอาข้อกฎหมายมาคุยกัน โดยผู้บริหารของ 2 สถาบันต้องหันหน้ามาเจรจา มากกว่าการให้ศิษย์เก่า-ศิษย์ปัจจุบัน มาใช้อารมณ์โต้ตอบกันไปมา ส่วนที่ฝั่งอุเทนฯ มีความเข้าใจว่า รัชกาลที่ 6 มอบพื้นที่ให้นำมาสร้างสถาบันเกี่ยวกับการช่าง นั้น อ.ธงทอง บอกว่า ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐานในพงศาวดารอะไรมายืนยัน ตนเคยทำหน้าที่ผู้อำนวยการหอประวัติจุฬาฯ มานานสิบกว่าปี ได้ค้นคว้าเอกสารเกี่ยวกับที่ตั้งของจุฬาฯ มาครบทุกชิ้น ไม่ปรากฏหลักฐานใดว่า “อุเทนถวาย” ได้รับพระราชทานได้รับโอน หรือมีกรรมสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอุเทนถวายในปัจจุบัน มีแต่เพียงสัญญาเช่า ซึ่งครบกำหนดไปนานแล้ว
อีกประเด็นที่มีการโจมตีว่า หากอุเทนถวายย้ายไปแล้ว ทางจุฬาฯ จะนำที่ดินไปสร้างศูนย์การค้า หาผลประโยชน์ อ.ธงทอง มองว่า เป็นการหลงประเด็น เท่าที่ทราบ พื้นที่ตรงนี้อยู่ในแผนการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์ในการศึกษามานานแล้ว แต่หากวันข้างหน้า คิดจะปรับแผนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก็เป็นเรื่องที่ประชาคมจุฬาฯ รวมถึงประชาชนจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใด ถ้ามีเรื่องทุจริต นำพื้นที่ไปหาผลประโยชน์ เชื่อว่าทั้งนิสิตเก่าและปัจจุบัน ไม่ยอมอยู่นิ่งอย่างแน่นอน .-สำนักข่าวไทย