อุดรธานี 26 ส.ค. – นกน้อย อุไรพร เปิดบ้านตั้งโต๊ะโต้ฉ้อโกงเงิน หลังยืมโฉนดที่ดิน 33 ไร่ มูลค่า 49 ล้านบาท ยืนยันไม่ได้ขอกู้ยืม เงินที่ร่วมลงทุนกันมีการโอนเงินรายได้ไปให้นางสุดารัตน์ โดยมีสลิปโอนเงินเป็นหลักฐาน
กรณี นางสุดารัตน์ ภูผานี นักธุรกิจสาว ขึ้นโรงพักเมืองอุดรธานี แจ้งความกล่าวหา หมอลำชื่อดัง “นกน้อย อุไรพร” เจ้าของตำนานวงดนตรีหมอลำ “เสียงอิสาน” ข้อหาฉ้อโกง หลังยืมโฉนดที่ดิน 33 ไร่ มูลค่า 49 ล้านบาท ไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ 3.8 ล้านบาท แค่ 2 เดือนเพื่อนำมาเปิดวงเดินสายแสดง แต่ผ่านมาเกือบ 3 ปี ยังไม่ได้รับโฉนดคืน ล่าสุด ได้ติดต่อจะคืนเงิน จึงต้องเดินทางมาจากอเมริกา สุดท้ายไม่ได้เงินแถมติดต่อไม่ได้ จึงมาแจ้งความดำเนินคดี
เมื่อวานนี้ “นกน้อย อุไรพร” หรือนางอุไร ฉิมหลวง อายุ 60 ปี ดร.ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม ผู้บริหารบริษัทท๊อปไลน์ มิวสิค จำกัด พร้อมนายคณิศร ขุริรัง ทนายความส่วนตัว เปิดบ้านเลขที่ 555 หมู่ 17 บ้านหนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี แถลงข่าวว่า พาดหัวข่าวแรงมากสำหรับแม่นกน้อย โดยเฉพาะเรื่องเสียงอิสานยุบวง ทำให้ นกน้อย อุไรพร ไม่มีที่จะยืน ในตอนแรกคิดว่าจะไม่เปิดแถลงข่าว ไม่นานข่าวก็จะซาไปเอง แต่ข่าวนี้ทำให้กระทบต่อเจ้าภาพที่มาทำสัญญาว่าจ้างวง “เสียงอิสาน” และมีการมัดจำข้ามปีล่วงหน้าไปจนถึงปี 2562-2564 ทำให้สั่นคลอน เสียหาย จึงได้ปรึกษานายห้างทวีชัย และทนายความส่วนตัว ออกมาแถลงข่าวเพื่อให้เข้าใจและมั่นใจว่า “นกน้อย อุไรพร” ไม่คิดล้มวง
นายคณิศร ขุริรัง ทนายความส่วนตัว เป็นผู้เปิดเผยว่า กรณีนางสุดารัตน์ไปแจ้งความร้องทุกข์กับแม่นกน้อย ข้อหาฉ้อโกงเงินกว่า 3.8 ล้านบาท โดยเฉพาะเรื่องไปทำสัญญาขายฝากกับนายทุน เรื่องนี้แม่นกน้อยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง คู่สัญญาที่ทำขายฝากเป็นการทำระหว่างนางสุดารัตน์กับทางผู้รับซื้อฝาก ทางแม่นกน้อยไม่ได้เป็นผู้รับมอบอำนาจ หรือลงลายมือชื่อในนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น โดยการทำสัญญาขายฝากก็ไปทำที่ สนง.ที่ดิน และถึงวันนี้สัญญาขายฝากก็ยังไม่สิ้นสุดที่สามารถไถ่ถอนได้
นายคณิศร กล่าวอีกว่า ส่วนเงินกู้ที่นางสุดารัตน์อ้างว่านำเงินมาให้แม่นกน้อยนั้น เป็นการร่วมลงทุนกับบริษัทที่นางสุดารัตน์ตั้งไว้แล้วก่อนหน้า โดยนางสุดารัตน์และแม่นกน้อยได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ งานอีเว้นท์ ออแกไนซ์ และวงเสียงอิสาน การที่นางสุดารัตน์มาแจ้งความดำเนินคดีกับแม่นกน้อย ข้อหาฉ้อโกง ถือว่าไม่ใช่ความจริง เพราะเงินที่ร่วมลงทุนกัน แม่นกน้อยมีการโอนเงินรายได้ไปให้นางสุดารัตน์ โดยมีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน การกล่าวหาดังกล่าวทำให้วงเสียงอิสานและแม่นกน้อยซึ่งทำความดีให้กับประเทศชาติ ทำให้เสียหายจากเรื่องเล็กน้อยกลายเป็นข่าวใหญ่และเสียหายเป็นอย่างมาก อาจจะมีการฟ้องกลับนางสุดารัตน์
แม่นกน้อยเปิดเผยว่า โดยส่วนตัวรู้จักกับนางสุดารัตน์ เพราะร่วมลงทุนกันทำบริษัทออแกไนซ์ งานอีเว้นท์ ว่าจ้างการแสดง รวมถึงมีวงเสียงอิสานเข้าไปร่วมด้วย ตอนรู้จักกันทางคุณสุดารัตน์แต่งงาน และจ้างวงเสียงอิสานไปแสดง จนรู้จักกันและคุยกันเรื่องร่วมลงทุน และก่อนที่ตนจะไปไต้หวันก็ยังคุยกับคุณสุดารัตน์แล้วว่าเราจะคุยกันในเรื่องนี้ ให้กลับจากไต้หวันก่อน จากนั้นก็มีข่าวออกมา ในช่วงที่เรายังไม่ได้กลับจากไต้หวัน เพราะเราร่วมลงทุน ก็เหมือนเขาเป็นคนในครอบครัว ที่เดินเข้าออกที่นี่ได้
ที่ดินนี้ทางคุณสุดารัตน์นำไปก็ยืมเพื่อเป็นเงินมาลงทุนเปิดบริษัทฯ แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่ได้คุยกันว่าใครจะเคลียร์ใคร ใครจะทอนใคร แม่ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปขอกู้ยืมจากเขา และเราได้รับเงินจากเขา แต่ไม่ได้เป็นการยืม ซึ่งเงินจำนวนนี้เราต้องมาคุยกัน ว่างานจ้างวงเสียงอิสาน งานนี้ขาดทุน งานนี้ได้กำไร แม่ต้องโอนให้คุณสุดารัตน์เท่าไหร่ เป็นการที่จะตัดทอนบัญชีที่ร่วมลงทุนกัน .- สำนักข่าวไทย
ขอบคุณภาพจากยูทูป : Hug TV Thailand