กรุงเทพฯ 23 ก.ค.- ตำรวจสอบปากคำพลเมืองดีที่ถูกสังคมโซเชียลกระหน่ำไม่เข้าช่วยเหลือขณะเห็นเหตุการณ์สาวทอมทำร้ายร่างกายแฟนสาวบาดเจ็บ พบถูกข่มขู่ จึงเกิดความกลัวไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนส.กาญจณา สินประเสริฐ อายุ 27 ปี ทอมทำร้ายร่างกาย นส.พิมพ์ พิไล ปักษี อายุ 21 ปี ได้รับบาดเจ็บ ภายในบริเวณ เอสพี เพลส ภายในซอยรัชดา 36 คืนวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยกู้ภัยนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ ต่อมา พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ผู้ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาข้อมูลของผู้ที่ก่อเหตุและตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ต่อมาเมื่อเวลา 02.45 น.วันเดียวกัน ผู้ก่อเหตุได้มาพบ พงส.สน.พหลโยธิน เพื่อลงบันทึกประจำวันว่า เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริง สอบถามสาเหตุในการทำร้ายทราบว่าเกิดจากการหึงหวงกัน จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและรอผลการตรวจร่างกายผู้เสียหาย
จนเมื่อวันที่ 22 ก.ค.61 ได้มีสื่อสังคมออนไลน์ได้ลงข่าวไปอย่างแพร์หลายถึงความรุนแรงในกรณีดังกล่าว อีกทั้งผู้เสียหายได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อมูลนิธิปวีณา และพาเข้าแจ้งความต่อพนักงานอสบอสวน สน.พหลโยธิน เอาผิดกับ น.ส.กาญจณาฯ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
รอง โฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ ผู้เสียหายและพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้ว พร้อมข้อมูลพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยันในการกระทำความผิดของผู้ก่อเหตุ ในเบื้องต้นยังคงต้องรอผลการชันสูตรบาดแผลจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ และออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
ทั้งนี้ ตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ท่านกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามพยานหลักฐานความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและครอบครัว สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการกระทำด้วยความรุนแรงต่อชีวิตและร่างกาย นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายเเล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตปกติของผู้ถูกกระทำ ซึ่งขอให้ประชาชนเตือนใจไว้เป็นอุทธาหรณ์ ในการควบคุมอารมณ์ มุ่งเน้นวิธีสันติพูดคุยกัน ส่วนประเด็นที่มีพลเมืองดีเห็นและไม่เข้าไปช่วยเหลือนั้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ ผู้ดูแลอาคารที่เห็นเหตุการณ์แล้ว ทราบว่าถูกข่มขู่ จึงเกิดความกลัวไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ดูแลอาคารก็ยังได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาระงับเหตุ.-สำนักข่าวไทย