มะนิลา 12 ก.ค.- นายโฮเซ มานูเอล โรมวลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐเผยวันนี้ว่า ฟิลิปปินส์จะเริ่มเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหรัฐในเดือนกันยายนนี้ เพื่อขยายตลาดส่งออกให้แก่สินค้าเกษตรของฟิลิปปินส์
นายโรมวลเดซเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเจรจารอบแรกจะมีขึ้นที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ คาดว่าจะเน้นเรื่องแรงงาน ทรัพย์สินทางปัญญา และการเกษตร อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าปีหรือสองปี มีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐจะเห็นชอบเพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศเล็กกว่าคู่ค้าอื่นอย่างจีนหรือยุโรปที่ตกเป็นเป้าหมายนโยบายการค้าอเมริกันมาก่อนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์เผยด้วยว่า สหรัฐเป็นประเทศคู่ค้าอันดับต้นๆ ของฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 179,600 ล้านบาท) ในปี 2559 ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐเผยว่า การค้าและบริการทวิภาคีในปีนั้นอยู่ที่ 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 898,000 ล้านบาท)
ทั้งนี้หากสหรัฐบรรลุเอฟทีเอกับฟิลิปปินส์ก็จะเป็นประเทศที่สองในอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ทั้งสองประเทศเริ่มพูดคุยเรื่องนี้หลังจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์พบสนทนากับประธานาธิบดีทรัมป์ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงมะนิลาเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ปัจจุบันสินค้าที่ฟิลิปปินส์ส่งเข้าสหรัฐร้อยละ 75 ปลอดภาษีอยู่แล้ว แต่ฟิลิปปินส์ต้องการขยายตลาดส่งออกให้แก่เสื้อผ้าและสิ่งทอ นาฬิกาข้อมือ สินค้าเกษตรอย่างสาหร่ายทะเลและคาร์ราจีแนนที่เป็นสารปรุงแต่งอาหารสกัดจากสาหร่ายทะเล.- สำนักข่าวไทย