คลังเตรียมเปิดทางเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการ-ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

รร.แชงกรีลา 11 ก.ค. – ขุนคลังเตรียมเปิดทางเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการ-ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปลายปี หวังเพิ่มกำลังซื้อรายย่อย 11.4 ล้านคน เพื่อใช้จ่ายสินค้าจำเป็นผ่านเครือง EDC หนุนทุกฝ่ายร่วมมือสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ 


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อลดภาระและส่งเสริมกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้น้อยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน เมื่อรัฐบาลเติมเงินให้เป็นรายบุคคล 200-300 บาทต่อเดือน สำหรับการใช้จ่ายซื้อสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพผ่านร้านค้าประชารัฐหรือร้านค้าเข้าร่วมโครงการ  จึงพร้อมเปิดทางให้รายย่อยเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการเพิ่ม เพราะบัตรดังกล่าวเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถนำบัตรไปใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการ เพื่อรูดผ่านเครื่อง EDC เพราะมีข้อมูลการซื้อขาย บัญชีการซื้อขายจะปรากฎผ่านเครื่อง EDC จากนั้นปลายปีจะเปิดให้รายย่อยยื่นเคลมขอภาษีมูลค่าเพิ่มคืนจากกรมสรรพากรช่วงปลายปี แม้จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี แต่เมื่อต้องขอเงินคืนคาดว่ารายย่อยจะยอมยื่นแบบขอคืนภาษีเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย  

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมตั้งงบประมาณชดเชยยอดเงินที่ต้องขอคืนจากรายย่อยเหมือนกับโครงการรถยนต์คันแรก สำหรับรายการสินค้าจะเน้นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่คงบังคับทั้งหมดไม่ได้ เพราะมือถือบางครั้งจำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพและรองรับการใช้เงินแบบไร้เงินสด อาจบังคับซื้อสินค้าอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี่ เบื้องต้นคงเริ่มใช้เฉพาะการรูดซื้อสินค้าผ่านเครื่อง EDC ส่วนการซื้อผ่านระบบ QRCode ยังไม่เปิดใช้ เพราะเป็นระบบผ่านสมาร์ทโฟน ขณะนี้หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดร่วมกัน คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมด เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้ 


นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวในงานสัมมนา “Thailand Competitiveness Conference 2018” จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสถาบัน IMD เป็นสถาบันทำการสำรวจและจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก ว่า เพื่อต้องการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสำหรับโลกยุคใหม่โดยใช้นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล โดยรัฐบาลกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ  หลังจากรายงานล่าสุดปี 2560 สถาบัน IMD จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ดีขึ้นจากปี 2559 ที่อันดับ 28 จึงต้องเร่งปฏิรูปประเทศ สร้างพื้นฐานทุกด้าน ลดความเหลื่อมล้ำในขณะนี้ให้ลดลง ด้วยการพัฒนาทัดเทียมกัน และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่ายและสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ซึ่งจะต้องอาศัยภาคเอกชนเข้าร่วมตามแนวทางประชารัฐ พัฒนาคนในประเทศทุกกลุ่มให้มีความเท่าเทียมไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาประเทศชาติ เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันจะประสบความสำเร็จเหมือนกับแนวทางการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คนออกจากถ้ำหลวง เพราะทุกหน่วยงานและหลายประเทศทั่วโลกร่วมมือกัน เมื่อไทยติดอันดับการแข่งขันระดับต้น ๆ จะไม่หลุดไปจากเวทีโลก ทุกประเทศจะแห่เข้ามาลงทุน เพราะมีความพร้อมต้อนกับการลงทุนและไทยยังเป็นศูนย์กลางของ CLMVT เพื่อให้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือของอาเซียน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน