บุรีรัมย์ 23 ก.ย.-แจ้งความถูกหลอกลงทุนวงแชร์ไม่คืบ ลูกแชร์พากันหอบหลักฐานเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ เผยมีคนถูกเท้าแชร์หลอกให้นำเงินเข้าร่วมลงทุนอ้างให้ผลตอบแทนสูง กว่า 70 ราย เป็นเงินรวมกว่า 20 ล้านบาท
ชาวบ้าน พนักงานบริษัทเอกชน และข้าราชการจากหลายอำเภอของ จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานสลิปการโอนเงินเข้าบัญชี และข้อความที่สนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ช่วยเหลือ หลังถูก น.ส.เนตรนภา อายุ 29 ปี หรือเจ๊ก้อย ซึ่งเป็นเท้าแชร์ หลอกลวงให้ร่วมเล่นแชร์ชื่อ “แชร์บ้านก้อย” ในลักษณะให้นำเงินมาร่วมลงทุน แต่ไม่ได้แจ้งชัดเจนว่าลงทุนอะไร บอกเพียงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนหรือดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 ต่อสัปดาห์
เช่น หากร่วมลงทุนวงเงิน 40,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 4,000 บาท/สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง จึงจูงใจให้หลายคนหลงเชื่อยอมหาเงิน ทั้งกู้ยืม ขายรถ จำนองบ้าน เพื่อนำเงินมาร่วมเล่นแชร์ตั้งแต่รายละหลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาท แต่สุดท้ายก็ถูกเท้าแชร์หลอกโกงเงิน สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยพบว่ามีทั้งข้าราชการ พนักงานบริษัทเอกชน และประชาชนทั่วไปทั้งใน จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง ตกเป็นเหยื่อร่วมเล่นแชร์บ้านก้อยดังกล่าว จำนวน 71 คน รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท
ด้าน น.ส.เพชรลดา อายุ 28 ปี ชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าว่า ที่ตัดสินใจนำเงินมาร่วมเล่นแชร์กับเจ๊ก้อย เพราะเห็นว่าให้ผลตอบแทนสูง จึงยอมนำเงินที่มีอยู่ 40,000 บาท ไปร่วมเล่นแชร์ เพราะหวังว่าจะได้เงินมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ เมื่อตกลงร่วมทุนงวดแรก เจ๊ก้อยก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 36,000 บาท ส่วนอีก 4,000 บาท หักไว้เป็นค่าตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือน ก็ยังไม่ได้เงิน จึงสอบถามเพื่อนที่เล่นแชร์ด้วยกัน ก็บอกว่าไม่ได้เงินผลตอบแทนเหมือนกัน พอไปสอบถามกับเจ๊ก้อยก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี่ จึงรู้ว่าถูกหลอก จึงได้พากันเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องพากันมาร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด โดยอยากให้เจ๊ก้อยนำเงินที่พวกตนร่วมลงทุนมาคืน และอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ๊ก้อย จะได้ไม่ไปหลอกลวงคนอื่นซ้ำอีก
ขณะที่นายชุมพล ภูผานิล ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนนี้ไว้ พร้อมจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายตามที่ผู้เสียหายร้องเรียนต่อไป.-สำนักข่าวไทย
