นายกฯ พบหารือ US-APEC Business Coalition สานต่อความร่วมมือไทย-สหรัฐ

เปรู 15 พ.ย.-นายกฯ หารือ US-APEC Business Coalition สานต่อความร่วมมือไทย-สหรัฐ พร้อมตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุน และกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงลิมา รัฐเปรู ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง ณ โรงแรมสวิสโซเทล ลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้แทน US-APEC Business Coalition โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทาง US-APEC Business Coalition ที่เป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้นกับประเทศไทย และเป็นเจ้าภาพในการหารือวันนี้ ซึ่งไทยได้มีการหารือกับฝ่ายสหรัฐอเมริกาหลายครั้งแล้ว ทั้งจากฝ่ายบริหารและภาคเอกชน ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของนโยบายการเจรจาและการมีส่วนร่วมกับธุรกิจ ฉะนั้นขอเน้นย้ำในเรื่องของ “โอกาส” ”ความพร้อม“ และ ”ความเชื่อมั่น“ ว่าประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ การลงทุน และพร้อมที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับสหรัฐอเมริกาต่อไป
 
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการลงทุนของสหรัฐอเมริกาในไทยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ จึงเน้นย้ำถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสหรัฐอเมริกา เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
 
พร้อมกล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อการลงทุน โดย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไทยพร้อมที่จะเปิดกว้างในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและภูมิภาคอย่าง เอเปค (APEC) และไอเพฟ (IPEF) และมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการเสนอสิทธิพิเศษทางด้านธุรกิจ อาทิ การยกเว้นวีซ่า และวีซ่าพำนักระยะยาว เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านเกษตรอัจฉริยะ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังส่งเสริมในเรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันในระดับโลก รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดด้วย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ชูวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการค้าเสรีและข้อตกลง FTA พร้อมขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในกรอบ OECD ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและต่อต้านการทุจริตเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา โดยชี้ให้เห็นว่าการลงทุนของสหรัฐอเมริกาในไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2566 มีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสหรัฐอเมริกาในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งรัฐบาลไทยยังมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย และส่งเสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีทางการแพทย์ การศึกษาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs การพัฒนาทักษะบุคลากร และฝีมีอแรงงาน เพื่อเตรียมรับอุตสาหกรรมในอนาคต
 
โดยในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงช่วงก่อนการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปค ได้มีโอกาสแวะที่นครลอสแอนเจลิส และพบหารือภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา ซึ่งความร่วมมือการลงทุนระหว่างสองประเทศมีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา และสร้างงานกว่า 70,000 ตำแหน่ง รัฐบาลไทยจึงได้ตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐอเมริกาในไทยและกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น.-316.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน