แม่ฮ่องสอน 24 ก.ย.-ตอนนี้เกษตรกรบนพื้นที่สูงที่เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน หันกลับมาปลูกอะโวคาโดกันมากขึ้น หลังจากที่หนุ่มเมืองปาย แม่ฮ่องสอน ประสบความสำเร็จนำอะโวคาโดมาทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งเราเคยเสนอเรื่องราวของเขาไปเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดเรากลับไปดูอีกครั้ง ปรากฏว่ายอดขายพุ่งสูงทะลุเดือนละ 1 ล้านบาท และส่งเสริมการปลูกและรับซื้ออะโวคาโดมากถึงปีละ 10 ตัน
สวนอะโวคาโดของชาวบ้านบนดอยสูงใน อ.กัลยาณิวัฒนา ที่เชียงใหม่ ซึ่งปลูกอะโวคาโดแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี มาราว 4 -5 ปี และเริ่มให้ผลผลิต เพื่อส่งขายสำหรับทำผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ในราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาทตลอดทั้งปี สร้างรายได้ให้ชาวบ้านที่นี่ปีละไม่น้อยกว่า 100,000 บาท/ไร่ หลังจากก่อนหน้านี้ราคาอะโวคาโดตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10-15 บาท จนหลายคนเลิกปลูกไปแล้ว
ชาวบ้านในแถบนี้ที่หันกลับมาปลูกะโวคาโด ส่วนใหญ่ได้รับการส่งเสริมจากยุทธนาศักดิ์ แก้วคำ หรือโจ้ หนุ่มชาว อ.ปาย แม่ฮ่องสอน วัย 25 ปี ซึ่งเริ่มจากชาวสวนอะโวคาโด หลังจบจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตแพร่ จนคิดค้นนำคุณประโยชน์จากอะโวคาโดมาทำสบู่ขาย และกลายเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอะโวคาโด ออร์แกนิก ขายทางออนไลน์ สร้างรายได้เดือนละหลักแสน ซึ่งเรานำเสนอเรื่องราวของขาไปเมื่อปีที่แล้ว
มาถึงวันนี้โจ้ และน้องสาวที่จบด้านเคมี พัฒนาผลิตภัณฑ์จากอะโวคาโดเพิ่มขึ้นอีกหลายตัว ส่งขายทางออนไลน์ทั้งในประเทศ ไปถึงจีน สหรัฐ และใต้หวัน ยอดขายจากเดือนละหลักแสนพุ่งสูงจนแตะหลักล้านแล้ว
นั่นทำให้ต้องใช้อะโวคาโดมากถึงปีละ 10 ตัน โจ้จึงเข้าไปส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกอะโวกาโดมากขึ้น โดยแจกเมล็ดพันธุ์ฟรีเมื่อปลูกแล้วจนได้ผลแล้ว จะรับซื้อผลผลิตทั้งหมดในราคาสูงกว่าท้องตลาด ตอนนี้มีเกษตรกรหลายอำเภอในเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก ที่ปลูกอะโวคาโดส่งขายให้โจ้ โดยผลผลิตจะออกหมุนเวียนให้รับซื้อได้ตลอดทั้งปี เป็นตัวอย่างความสำเร็จจากการต่อยอดผลผลิตการเกษตรในท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าด้วยความรู้สู่ผลิตภัณฑ์ และยังกระจายรายได้สู่เกษตรกรได้อย่างครบวงจรด้วย.-สำนักข่าวไทย