กรุงเทพฯ 20 มิ.ย. – บอร์ด ทอท. อนุมัติ ลงทุนอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ สุวรรณภูมิ กว่า 42,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เป็นประธาน มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 42,084.564 ล้านบาท ตามที่ปัจจุบัน ทอท.กำลังดำเนินโครงการพัฒนา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554 – 2560) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 60 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตาม ทอท. ได้คาดการณ์ว่าในปี 2561 และ 2562 จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 65 ล้านคน และ 68 ล้านคนตามลำดับ ซึ่งเกินขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารหลังจากดำเนินการโครงการพัฒนาระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) แล้วเสร็จ และจะส่งผลให้ยังคงเกิดความแออัดในการใช้บริการท่าอากาศยาน
ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอนาคตประกอบกับเพื่อดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ แผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2560 เรื่องการพัฒนาระบบขนส่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในภาคขนส่งทางอากาศโดยให้ท่าอากาศยานดอนมือง และ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่ 90 ล้านคนต่อปีในปี 2562 และ 120 ล้านคนต่อปีในปี 2564 ตามลำดับ รวมทั้งเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของรัฐบาล ทอท.จึงได้จัดทำโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของ ได้อีก 30 ล้านคนต่อปี
สำหรับรายละเอียดโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประกอบด้วย (1) งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A มีพื้นที่ประมาณ 348,000 ตารางเมตร เป็นอาคารแบบ Multi-Terminal สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคนต่อปี พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารโดยมีหลุมจอดประมาณ 14 หลุมจอด (2) งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A, B และ C (3) งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร (Airport Multiplex Building: AMB)
ด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่อาคารประมาณ 84,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถยนต์ในอาคารได้ประมาณ 1,000 – 1,500 คัน และมีลานจอดรถยนต์ภายนอกอาคารอีกประมาณ 1,500 – 2,000 คัน (4) งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ โดยเป็นระบบรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก (MTB) และอาคารเทียบเครื่องบิน A ในปัจจุบัน ไปยังอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และเชื่อมต่อการเดินทางจากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link มีระยะทางรวมทั้งระบบยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร (5) งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี และเชื่อมต่อกับระบบของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน (6) งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานเพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้า – ออก อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และ (7) งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการฯ นอกจากนั้นจะมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยาน ตลอดจนการใช้พื้นที่ใช้สอยอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน รวมถึงตระหนักในเรื่องความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน
ทั้งนี้ ทอท.จะเสนอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 พร้อมวงเงินลงทุนที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทอท.แล้วให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่า จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564. – สำนักข่าวไทย