บุรีรัมย์, ฉะเชิงเทรา 8 มิ.ย.-“น้องยุ้ย” สาวตาบอดที่ลุงป่วยอัมพฤกษ์จะบริจาคดวงตาให้ ประกาศของดรับบริจาคเงินแล้ว หลังจากมีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือกว่า 1.4 ล้านบาท เผยคิดว่าเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูแม่ ลูกชาย และตัวเองแล้ว อยากให้ผู้มีจิตศรัทธาได้แบ่งปันความช่วยเหลือให้คนอื่นบ้าง พร้อมตั้งใจจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาคจำนวน 50,000 บาท มอบให้ รพ.บุรีรัมย์ ด้วย
หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือน้องยุ้ย อายุ 26 ปี ชาวบ้านกลันทา ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้งสองข้างมานานกว่า 7 ปี เพราะผลข้างเคียงจากการทำงานโรงงานหลอมเหล็ก ซ้ำสามียังไปบวช ต้องเลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน ตามลำพัง ปัจจุบันอาศัยเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบและมุงด้วยสังกะสีเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน ปัจจุบันมีเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท ซื้อข้าวและอาหารกินประทังชีวิต ต้องอยู่อย่างยากลำบากอดมื้อกินมื้อ บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน จนคิดท้อถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย
ล่าสุด น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย ได้ประกาศของดรับบริจาคแล้ว หลังจากมีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือแล้วกว่า 1,470,000 บาท ซึ่งคิดว่าเพียงพอสำหรับที่จะใช้เลี้ยงดูแม่ ลูกชาย และตัวเองแล้ว ทั้งนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้มีจิตศรัทธา นำข้าวสารและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมามอบช่วยเหลือที่บ้านด้วย ทั้งอยากจะให้ผู้มีจิตศรัทธาได้แบ่งปันความช่วยเหลือให้คนอื่นที่ประสบชะตากรรมลำบากเหมือนกับตนเองด้วย
ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคก็ตั้งใจว่าส่วนหนึ่งจะเก็บไว้สร้างบ้านให้สามารถกันแดดกันฝนและปลอดภัยกว่าเดิม เพราะปัจจุบันอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีเก่า ทั้งเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาลูก และใช้จ่ายในการดำรงชีวิต และตั้งใจว่าจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาคจำนวน 50,000 บาท มอบให้ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ หรือเวชภัณฑ์ยา สำหรับใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยคนอื่นด้วย เพราะที่ผ่านมา รพ.บุรีรัมย์ ก็ดูแลรักษาตนเองเป็นอย่างดีมาตลอด
ส่วนกรณีที่นายพายัพ รอดเมือง อายุ 59 ปี ชาวบ้านหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพิการเป็นอัมพฤกษ์นอนป่วยติดเตียงมานานกว่า 20 ปี ได้แจ้งความจำนงจะบริจาคดวงตาให้น้องยุ้ย 1 ข้าง เพื่อให้น้องมีโอกาสกลับมามองเห็นได้ และสามารถทำงานเลี้ยงดูลูกได้นั้น น้องยุ้ย ก็บอกว่า ชีวิตนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่จิตใจประเสริฐยอมสละดวงตาของตนเองทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้อง หรือรู้จักกันเลย รู้สึกตื้นตันใจ และทำให้ตนเองมีความหวังที่จะสู้เพื่อแม่และลูกต่อไป และแม้ว่าสุดท้ายแล้วเซลล์ดวงตาจะไม่สามารถเข้ากันได้ หรือในทางระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้ จะทำให้ตนเองไม่สามารถเปลี่ยนดวงตา และกลับมามองเห็นได้อีกตามที่หวังไว้ ก็ไม่รู้สึกเสียใจ แต่กลับดีใจที่ได้รับรู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีคนใจบุญที่ยอมเสียสละดวงตาของตนเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็จะไม่หมดหวังจะรอคอยปาฏิหาริย์ ที่คิดว่าสักวันตนจะได้กลับมามองเห็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะไปฝึกอาชีพสำหรับคนพิการที่บกพร่องทางสายตา เพื่อให้สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองและลูกได้โดยไม่เป็นภาระคนอื่น
ส่วนที่ จ.ฉะเชิงเทรา ช่วงเย็นวานนี้ (7 มิ.ย.) นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจนายพายัพ รอดเมือง ที่บ้านพัก ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ซึ่งประสบเหตุอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ล้มเมื่อปี พ.ศ.2541 ที่ต้องการจะบริจาคดวงตา 1 ข้าง ให้ น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย
ลุงพายัพ เล่าว่า เดิมมีอาชีพเป็นช่างก่อสร้างมีครอบครัว มีลูก 3 คน แต่ก็แยกย้ายกันไปทำงานมีครอบครัวหมด นานๆ จะกลับมาบ้านครั้งหนึ่ง ส่วนที่ต้องมาล้มป่วยเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำเมื่อ 20 ปีก่อน และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนับแต่นั้นมา ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับหลานสาว ทุกวันช่วงเช้าหลานสาวจะมาดูแลจัดอาหารการกินไว้ให้ ก่อนไปทำงาน ช่วงเย็นก็จะกลับมาดูแล ก่อนแยกย้ายกลับบ้านพัก กลางคืนตนเองจะนอนอยู่คนเดียว แต่ก็ได้ญาติพี่น้องซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ กันคอยช่วยมาดูแลตลอด ตนเองมีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ และโรคปวดกระดูกสันหลัง นั่งนานนานไม่ค่อยได้จะรู้สึกปวดกระดูกมาก ซึ่งต้องกินยารักษาโรคหัวใจ และยาบรรเทาอาการปวดกระดูกเป็นประจำ แต่ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย
ลุงพายัพ ยังบอกอีกว่า ครอบครัว น.ส.สุนิสา ลำบากมาก พ่อแม่ก็แก่แล้ว และยังมีลูกเล็กอีกคน ถ้าเขาได้ดวงตาจากตนไปก็จะทำมาหากินได้ ส่วนตัวลุงเองเหลือข้างเดียว ก็ไม่เป็นไร เพราะตัวลุงเองก็ทำงานอะไรไม่ได้แล้ว ลุงเองได้ทราบเรื่องจากทางทีวี จึงร้องขอให้ประสานเรื่องให้มาดำเนินการพาลุงกับผู้รับบริจาคไปตรวจเนื้อเยื่อว่าเข้ากันได้หรือไม่ และถ้าเข้ากันได้ก็ให้เขามารับ.-สำนักข่าวไทย