ปิ่นเกล้า 16 พ.ค.- กรมบังคับคดีติวเข้มพนักงานบังคับคดี รับมือทรัพย์ดิจิทัล นักวิชาการชี้กฎหมายใหม่มีผลช่วยส่งเสริมคุ้มครองและป้องกันได้
กรมบังคับคดี จัดอบรมโครงการ “การให้ความรู้รูปแบบของธุรกรรมเงินดิจิทัล (Cryptocurrency”ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้รู้ถึงรูปแบบและลักษณะของสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Assets)และนำความรู้ไปใช้พัฒนากระบวนการบังคับคดีสินทรัพย์เหล่านี้
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า ทรัพย์สินดิจิทัลหรือธุรกรรมการเงินดิจิทัลเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งปัจุบันยังไม่เคยมีการบังคับคดีสินทรัพย์ดิจิทัลเลย มีเพียงการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่สามารถบังคับคดีทางทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างแต่ยังไม่ครอบคลุมถึงทรัพย์สินดิจิทัล หรือธุรกรรมเงินดิจิทัล ดังนั้นเมื่อพระราชกำหนดประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่19) พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ล่าสุด(10พค.61) นี้ ส่งผลให้เกิดความชัดเจนของสินทรัพย์ดิจิทัลว่ามีอะไรบ้างและให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนตามกฎหมาย และยังทำให้การบังคับคดีของกรมบังคับคดี ทำงานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีนิยามของทรัพย์ที่ชัดเจน และกรมบังคับคดี ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบังคับคดี จึงต้องเร่งศึกษาเพื่อเตรียมรองรับการบังคับคดีกับสินทรัพย์เงินสกุลดิจิทัล ที่คาดว่าจะมีคดีมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ นักวิชาการให้ความมั่นใจว่า การทำธุรกรรมเงินดิจิทัลจะทิ้งร่องรอยบันทึก มีการใช้กุญแจส่วนตัวและกุญแจสาธารณะในการทำธุรกรรมซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการบังคับคดีได้
ด้าน นายยรรยง เต็งอำนวย กรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การมีกฎหมายบังคับใช้ที่ชัดเจน มีผลดีทั้งในแง่การส่งเสริม คุ้มครองและป้องกัน ทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับว่าเป็นทรัพย์สิน ส่วนการยึดทรัพย์ในการบังคับคดี เจ้าพนักงาน ก็ต้องมีวิธีการในการทำให้จำเลยมอบ password หรือรหัสลับของธุรกรรมนั้น เพื่อโอนทรัพย์ดิจิทัลนั้น มาอยู่กระเป๋าดิจิตัลที่กรมบังคับคดีสร้างขึ้น แต่ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมด จะต้องมีกฎหมายลูกออกมารองรับด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องใหม่ .-สำนักข่าวไทย