กัวลาลัมเปอร์ 2 พ.ค.- ชาวมาเลเซียที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเผยว่า จะไม่ลงคะแนนให้รัฐบาลผสมในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ โดยโทษรัฐบาลว่าทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ปล่อยปละการเคหะให้ทรุดโทรม รถติด บริการการศึกษาและสาธารณสุขย่ำแย่
จำนวนคนในเขตเมืองของมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากคนในชนบทย้ายเข้ามาหวังมีงานที่ดีขึ้น สัดส่วนคนในเขตเมืองสูงถึงร้อยละ 76 รองจากสิงคโปร์และบรูไน แต่มี สส.ในสภาระดับประเทศเพียง 97 ที่นั่งจากทั้ง 222 ที่นั่ง หรือร้อยละ 44 เท่านั้น พรรคฝ่ายค้านซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่นที่มีความเป็นเขตเมืองมากที่สุดอย่างรัฐสลังงอร์และรัฐปีนังได้เป็นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน มุ่งหวังว่าจะสามารถรักษาอำนาจได้ต่อไป และหวังว่าจะสามารถยึดเพิ่มได้อีก 3 รัฐในวันพุธหน้าที่จะมีการเลือกตั้ง สส.สภาท้องถิ่นและสภาระดับประเทศพร้อมกัน
ทั้งนี้แม้ว่าชาวมาเลเซียในเขตเมืองไม่ได้ออกมาชุมนุมใหญ่ตั้งแต่ออกมาแสดงพลังเต็มท้องถนนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ปี 2558 ประท้วงเรื่องรัฐบาลนำระบบภาษีสินค้าและบริการแบบใหม่มาใช้ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น และเรื่องนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคพัวพันการทุจริตอื้อฉาวในกองทุนพัฒนามาเลเซีย (1MDB) คนหนุ่มสาวในเขตเมืองกำลังใช้สื่อสังคมออนไลน์ชักชวนคนโค่นล้มนายกรัฐมนตรีนาจิบวัย 64 ปีที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2552
อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดว่า นายนาจิบจะได้ดำรงตำแหน่งต่อไปเพราะรัฐบาลผสมมีฐานเสียงเหนียวแน่นอยู่ในชนบทที่สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ด้วยการทุ่มงบประมาณอุดหนุนและพัฒนา ขณะเดียวกันการที่เขตชนบทมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยลงทำให้รัฐบาลผสมกวาดที่นั่งได้ง่ายขึ้น เพราะมาเลเซียกำหนดเขตเลือกตั้งแบบรวมเขต ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหนึ่งคนสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้หลายคน ไม่ใช่แบบแบ่งเขตที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหนึ่งคนลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้เพียงคนเดียว การเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีก่อนรัฐบาลผสมแพ้คะแนนประชาชน แต่ได้เสียงข้างมากในสภาระดับประเทศเพราะเขตชนบทมี สส.ถึงร้อยละ 80 จากทั้งหมด 133 ที่นั่ง.- สำนักข่าวไทย