ป.ป.ท.26 เม.ย.-บอร์ด ป.ป.ท.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนทุจริตกองทุนคนไร้ที่พึ่งอีก 2 จังหวัด ยะลาและพัทลุง หลังก่อนหน้านี้ตั้งไปแล้ว 33 จังหวัด รวมขณะนี้ 35 จังหวัด
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(บอร์ด ป.ป.ท.)กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการคดีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ว่าภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ท.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มอีก 2จังหวัดคือจ.ยะลาและพัทลุง เป็นการเพิ่มเติมจากที่เคยตั้งไปแล้ว 33จังหวัดรวมขณะนี้ตั้งอนุกรรมการฯแล้ว 35 จังหวัด ซึ่ง2 จังหวัดที่ตั้งเพิ่มเติม จากการตรวจสอบพบยังคงเป็นพฤติการณ์แบบเดิมที่เคยไปพบในก่อนหน้านี้
‘วันนี้ทางสำนักงาน ป.ป.ท.ส่งเรื่องมาให้บอร์ดพิจารณารวม 23 จังหวัด ล่าสุดเวลานี้ตั้งคณะอนุกรรมการฯไป 2 จังหวัด ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพราะหลายจังหวัดที่ส่งมา ทางบอร์ดได้มีข้อแนะนำให้หาข้อมูลมาเพิ่ม โดยเฉพาะเรื่องของบุคคลที่เกี่ยวข้องที่มีจำนวนมากจะต้องมีเอกสารหลักฐานความผิดชัดเจนห่อนจะไปชี้ชัดว่าผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายชื่อที่ทางเจ้าหน้าที่เสนอมา หากมีหลัก ฐานปรากฎชัดเจนก็จะสามารถตั้งอนุกรรมการฯไต่สวนเพิ่มเติมได้ภายหลัง’พล.ต.อ.จรัมพร กล่าว
ส่วนเรื่องการทุจริตโครงการจัดซื้อผ้าห่มของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ในเอกสารการประชุมวันนี้ยังไม่มีวาระเรื่องนี้นำเข้า แต่หากมีเอกสารหลักฐานเข้ามา หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องและพบว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ท.ก็เตรียมจะเดินหน้าตรวจสอบทันที
พล.ต.อ.จรัมพร ยังกล่าวถึงกรณีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตว่า ล่าสุดจากข้อมูลที่มีการไปแจ้งความ สน.ดุสิต พบข้อมูลว่ามีการทุจริตเงินในปี 2560 จำนวน12.8 ล้านบาท แต่จากข้อมูลที่ได้มากจากหลายทางในขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่จะต้องตรวจสอบย้อนหลังกลับไปถึงปี 2550 แต่ยังต้องขอให้มีความชัดเจนกว่านี้จึงจะดำเนินการเพราะเอกสารและผู้เกี่ยวข้องมีค่อนข้างมาก
ส่วนข้อสอบถามว่าข้อมูลที่ได้มาล่าสุดพบมีการโยงถึงบุคคลอื่นนอกจากนางรจนา สินธีหรือไม่ พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถระบุลึกไปถึงตรงนั้นได้ แต่จากการพิจารณาอย่างรอบคอบ แผนประทุษกรรมที่เกิดขึ้น พบว่านางรจนาทำคนเดียวคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะนางรจนาเป็นเพียงหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลจัดเวลาและรวบรวมประมวลข้อมูลการประชุม ก่อนนำเอาข้อมูลเหล่านี้เสนอข้อมูลการประชุมไปยังผู้บังคับบัญชาในแต่ระดับชั้น ตั้งแต่ หัวหน้าหน่วย หัวหน้าสำนัก ผู้อำนวยการสำนักงานคลัง รองปลัด ไปถึงปลัดกระทรวง เมื่อกองคลังมีการนุมัติ ก็จะมีการโอนเงิน ปัญหาตรงนี้คือเงินที่ได้โอนไปไหน โอนไปบัญชีใคร ตรงนี้เชื่อว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เชื่อว่า คนเดียวคงไม่มีทางทำได้แน่นอน .-สำนักข่าวไทย