บรัสเซลส์ 5 เม.ย.- สำนักงานสหภาพยุโรปเพื่อความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย (ยูโรโพล) เผยว่า กำลังติดตามแกะรอยผู้ลอบนำคนเข้าเมือง 65,000 คน มากกว่าช่วงที่วิกฤตผู้ลอบเข้าเมืองรุนแรงที่สุดในช่วง 3 ปีก่อนถึง 2 เท่า เนื่องจากยังมีผู้ต้องการลอบเข้าเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก
ยูโรโพลเผยว่า ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมามีรายชื่อผู้ลอบนำคนเข้าเมืองอยู่ในฐานข้อมูลทั้งหมด 65,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2558 ที่มี 30,000 คน และสิ้นปี 2559 ที่มีเกือบ 55,000 คน โดยในจำนวนผู้ลอบนำคนเข้าเมืองที่สามารถระบุสัญชาติได้นั้นพบว่า ร้อยละ 63 มาจากยุโรป ร้อยละ 14 มาจากตะวันออกกลาง ร้อยละ 13 มาจากแอฟริกา ร้อยละ 9 มาจากเอเชียตะวันออก และร้อยละ 1 มาจากอเมริกา
ทั้งนี้แม้ผู้ลอบเข้าเมืองที่เดินทางเข้ายุโรปมีจำนวนลดลงเมื่อปีก่อนนับตั้งแต่ยุโรปทำข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศต้นทางอย่างตุรกีและลิเบีย แต่การลอบนำคนเข้าเมืองก็ยังเป็นธุรกิจผิดกฎหมายที่ทำเงินมหาศาลเพราะมีคนต้องการลอบเข้าเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับการบังคับใช้ข้อตกลงความร่วมมือกับหลายประเทศในแอฟริกาขึ้นอยู่กับการรับรองเรื่องเคารพสิทธิมนุษยชน ทำให้มีอุปสรรคในการดำเนินการ ด้านองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) มองว่า อียูเน้นเรื่องการปิดชายแดนมากเกินไป จนละเลยเรื่องปราบปรามธุรกิจที่ฉวยประโยชน์จากการลอบนำคนเข้าเมือง.- สำนักข่าวไทย