ศธ.14 มี.ค.-ก.ศึกษาฯ เตรียมเปิด Public School 77 เเห่งทั่วประเทศ 17 พ.ค.นี้ ให้อิสระโรงเรียนบริหารจัดการตนเอง
นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในรูปแบบพับบลิคสคูล (Public School) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งโรงเรียน Public School ที่ให้อิสระโรงเรียนในการบริหารจัดการทั้งด้านบุคลากรและหลักสูตร ว่า การจัดตั้งโรงเรียนรูปแบบดังกล่าวจะเริ่มใช้ในวันเปิดเทอมเเรกปีการศึกษา 2561 หรือวันที่ 17 พ.ค.นี้ โดยวางเป้าหมายนำร่องในโรงเรียน 77 เเห่งใน77จังหวัดทั่วประเทศโดยโรงเรียนที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการนำร่อง จะเป็นกลุ่มโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพแต่ยังมีการบริหารจัดการได้ไม่ดี ซึ่งจะไม่ทำในโรงเรียนดัง เช่น รร.เตรียมอุดมศึกษา หรือ รร.สวนกุหลาบ เเละจะทำได้ในทุกระดับชั้นทั้งโรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษาหรืออาชีวศึกษา
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า Public School จะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารโรงเรียนที่มาจาก 4 ฝ่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคประชาชน เอกชนและมหาวิทยาลัย โดยจะให้อำนาจภาคประชาชนเป็นประธานโรงเรียนเท่านั้น ขณะที่ภาคเอกชน จะเข้ามาทำงานในส่วนของการอำนวยความสะดวกในการศึกษา เช่น การพาเด็กเข้าไปเรียนรู้การทำงานในโรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่รัฐไม่สามารถเอื้ออำนวยให้ได้ โดยเอกชนจะต้องเข้ามาเพื่อร่วมพัฒนาการศึกษาด้วย ไม่ใช่เข้ามาผลประโยชน์
ขณะเดียวกัน มีอำนาจในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนได้เอง ประมาณร้อยละ 30-35 ส่วนอีกร้อยละ 65-70 ยังต้องเป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งการออกแบบการเรียนของตัวเอง อาจจะเป็นในรูปแบบการเรียนนอกห้องเรียน การศึกษาดูงาน หรือเข้าไปฝึกงาน ส่วนการวัดผล กระทรวงจะต้องมาปรับการวัดผลประเมินผลให้เหมาะสมกับสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการด้วย
รมช.ศึกษาฯ กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนโรงเรียนรัฐครั้งนี้ คาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกโรงเรียนของประเทศไทย ไม่ใช่แค่เฉพาะโรงเรียนนำร่องเท่านั้น คล้ายมหาวิทยาลัย เนื่องจากเห็นว่าโครงการของ ศธ.ที่ต้องดูแลโรงเรียนในสังกัดกว่า 37,000 โรงนั้น ใหญ่ และเทอะทะเกินไป นอกจากนี้ ยังไม่ใช่การกระจายอำนาจลงไปในท้องถิ่นอย่างแท้จริงเพราะ Public School ครั้งนี้ ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนในพื้นที่เป็นหลัก เพิ่มการเข้าถึงการศึกษาและคุณภาพการจัดการเรียนการสอน และต้องการลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหากวดวิชา โดยยืนยันว่า โรงเรียนที่เข้าร่วมจะไม่มีการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง และแต่ละแห่ง จะมีรูปแบบการจัดการหลากหลาย ไม่จำกัดแค่แนวทางใดแนวทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ในวันที่ 21 มีนาคม 2561 นี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง เพื่อสรุปจำนวนโรงเรียนที่จะเข้าร่วมว่ามีที่ใดบ้าง และสามารถทำได้อย่างไร เพื่อให้ทันต่อกรอบเวลาที่วางไว้.-สำนักข่าวไทย