เมืองทองธานี 19 ก.พ. – กระทรวงอุตสาหกรรมย้ำสินค้าไทยต้องผลิตได้มาตรฐาน เพื่อการยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและในตลาดโลก ด้าน สมอ.ตั้งเป้าปีนี้ออกใบอนุญาต 173 มาตรฐาน
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดการสัมมนา TISI Transformation สมอ. 4.0 : e-license พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ Industry 4.0 : Standardizations 4.0 (สมอ.) ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงมีแรงกดดันประเทศไทยต้องยกระดับการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ รัฐบาลจึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพและวิสาหกิจชุมชน ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนำไปใช้ในการผลิตและดำเนินธุรกิจได้
ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน โดย สมอ.จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วนงานอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการ ซึ่งเมื่อสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานแล้วก็จะช่วยให้ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้บริโภคภายในประเทศและได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินที่จะพิจารณาปล่อยสินเชื่อ และยังช่วยให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในตลาดโลกอีกด้วย
ในส่วนของ สมอ.ปัจจุบันนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ โดยใช้ระบบ e-license ในกระบวนการออกใบอนุญาต ซึ่งเริ่มเปิดรับคำขอรับใบอนุญาตผ่านระบบ e-license เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาช่วยให้ สมอ.สามารถออกใบอนุญาตได้ภายใน 10 วันทำการครอบคลุม 10 มาตรฐาน
นายณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ.จะใช้ระบบ e-license ออกใบอนุญาตให้ครอบคลุม 173 มาตรฐานภายในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้สามารถออกใบอนุญาตครบทุกมาตรฐานภายในปี 2562 เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการทำธุรกิจตามนโยบาย Ease of Doing Business ของรัฐบาล e-license ของ สมอ.ถือเป็นก้าวแรกสำคัญของ Big Data กระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้มีการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ปรับปรุงกระบวนการทำงาน
สำหรับการช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการนั้น ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลาง สมอ.ออกมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.เอส. ซึ่งจะให้การรับรองการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการที่ยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐานสากล ขณะที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จะดูแลมาตรฐานการผลิตของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนที่จะพัฒนาการผลิตสินค้าขึ้นไปเป็นการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย