นนทบุรี 2 ก.พ.-พาณิชย์ เล็งเสนอ แผนยุทธ์ศาสตร์ผลไม้เข้าครม. เพื่อรองรับผลผลิตที่กำลังจะออกมาในเดือนมีนาคม นำร่อง 3 ผลไม้สำคัญ ก่อน เชื่อปีนี้ปีทองสินค้าเกษตรไทย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดจันทบุรีในสัปดาห์หน้า กระทรวงพาณิชย์จะนำแผนยุทธศาสตร์มหานครผลไม้ที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำรายละเอียดของแผนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบกรอบแผนดังกล่าว โดยแผนจัดทำมหานครผลไม้จะเป็นยุทธศาสตร์หลักของประเทศที่จะยกระดับและดูแลผลไม้สำคัญของไทย ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ตั้งแต่เริ่มการเพาะปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภคให้เป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยจะมีแผนทั้งระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว เพื่อให้สินค้าผลไม้ของไทยทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ในเบื้องต้นการจัดทำมหานครผลไม้หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะแถลงแนวทางปฎิบัติของจัดการทำมหานครผลไม้ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าในปีนี้ ผลไม้สำคัญของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด จะไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาด เนื่องจากความต้องการผลไม้ทั้ง 2 ชนิดในตลาดสำคัญ เช่น จีน และอีกหลายตลาดยังมีความต้องการบริโภคผลไม้ชนิดนี้ของไทยในอัตราที่สูงและต่อเนื่อง ประกอบกับไทยได้นำขั้นตอนการแปรรูปผลไม้และการดูแลผลไม้ให้อยู่ได้นานขึ้น ส่วนผลไม้อีกชนิดหนึ่ง คือ ลำไย ที่จะต้องหามาตรการเสริม เนื่องจากแม้ตลาดใหญ่ คือ จีน แต่ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.เป็นช่วงหน้าร้อนของจีนจะลดการบริโภคลำไยลง ทำให้ปริมาณลำไยของไทยมีมาก ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ไปหารือกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าลำไยจากไทยรองจากจีนให้เพิ่มสัดส่วนการนำเข้าลำไยจากไทยเพิ่มมากขึ้น โดยทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เท่าที่ได้รับรายงานสินค้าเกษตรของไทยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในปีนี้ คือ ข้าว ซึ่งราคาข้าวขาวและข้าวหอมของไทยมีราคา 13,000-17,000 บาทต่อตันและยังมีโอกาสราคาน่าจะขยับขึ้นได้ โดยปีที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกข้าวไปตลาดโลกมากกว่า 11 ล้านตันและในปี 61 เกือบ 10 ล้านตัน แม้ปริมาณจะน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าคิดเป็นมูลค่าดอลลาร์สหรัฐไทยจะได้เพิ่มมากขึ้น และกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดทำแผนการเจาะตลาดข้าวไทยที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อให้ข้าวไทยเป็นที่ยอมรับของชาวโลกได้แบบยั่งยืน รวมไปถึงราคาข้าวโพคเลี้ยงสัตร์เฉลี่ยหน้าโรงงานอยู่ที่ 9-10 บาทต่อกิโลกรัม มันสำปะหลังเฉลี่ยอยู่ที่ 2.40 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ปาล์มน้ำมันของไทยที่ก่อนหน้านี้มีปริมาณค่อนข้างมาก แต่หลักจากทุกฝ่ายร่วมมือกันและเร่งผลักดันส่งออกนำ้มันปาล์มไปมากกว่า 150,000 ตัน และมีการใช้ภายในประเทศในรูปแบบอื่นๆส่งผลให้ขณะนี้ปริมาณน้ำมันปาล์มอยู่ในสตอกกว่า 4 แสนตัน และคาดว่าภายใน 1-2 เดือนปริมาณจะเข้าสู่ภาวะปกติ คือ 300,000 ตันและดันให้ราคาผลปาล์มสดมาอยู่ที่ 3.80-4 บาทต่อกิโลกรัมได้
ส่วนความร่วมมือจัดทำโครงการไทยนิยมนั่น ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะนำร่องในจังหวัดกาญจนบุรีโมเดล โดยจะเป็นโครงการความร่วมมือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการประชารัฐที่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะจัดฝึกอบรมและเสริมอาชีพต่างๆที่กระทรวงพาณิชย์ได้จับมือกับผู้ประกอบการต่างๆให้ประชาชนสามารถมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และยังมีอีกหลายจังหวัดไม่ต่ำกว่า 10 จังหวัดที่กระทรวงพาณิชย์จะลงไปจัดทำความร่วมมือนิยมไทยอีกด้วย
ส่วนผลกระทบจากอัตราค่าจ้างแรงงานใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ 1 เมษายนที่จะถึงนี้ ในด้านของต้นทุนผลิตสินค้ากระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินแล้วไม่กระทบต่อต้นทุนมากนัก ซึ่งผลกระทบต่อต้นทุนการจ้างแรงงานของภาคธุรกิจเอสเอ็มอีนั้น หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างหาแนวทางลดผลกระทบให้กับภาคธุรกิจเอสเอ็มอีต่างอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนที่มีกระแสข่าวร้านอาหารทางเลือกต่างๆที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์นั้น หากจะปรับราคาอาหารตามผลกระทบจากค่าจ้างแรงงานที่ขึ้นไปมาก ประชาชนสามารถร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ กระทรวงพาณิชย์จะดูแลการค้าให้เป็นธรรมแต่เชื่อว่าระบบการแข่งขันประชาชนมีทางเลือกบริโภคได้.-สำนักข่าวไทย