เลย 1 ก.พ.-สาวเลยวัย 41 ปี ลาออกจากงานประจำใน กทม. กลับบ้านเกิด ทำเกษตรพอเพียง สานต่อสวนส้มของพ่อ ไม่พึ่งพาสารเคมี จนกลายเป็นสวนส้มออร์แกนิกใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเก็บส้มกินสดๆ
ที่ไร่แสนสบาย บ้านไร่ทาม ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมสวนส้มอินทรีย์พันธุ์สีทอง บนพื้นที่ 10 ไร่ ถือว่าใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเจ้าของสวนได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านการเกษตร แหล่งศึกษาเรียนรู้เกษตรผสมผสาน ปลอดสารเคมี เก็บค่าเช้าชมคนละ 50 บาท สามารถเก็บส้มรับประทานได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่อั้น แม้ผลส้มจะมีผิวไม่สวยเหมือนส้มที่ใช้สารเคมีทั่วไป แต่รสชาติหวาน อร่อยไม่แพ้กัน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เก็บมารับประทานด้วยความสบายใจ
นางสาวจักรวิดา แก้วศิริ เจ้าของสวนส้มวัย 41 ปี เล่าว่า สวนส้มแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเลย เดิมพ่อกับแม่เป็นคนปลูกไว้ ส่วนตนก็ทำงานในบริษัทรับขนย้ายบ้านให้ชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ แต่เมื่อปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ จึงกลับมาอยู่บ้าน โดยไม่ได้คิดว่าจะกลับมาทำการเกษตร ช่วงรอน้ำลดเป็นเวลานาน จึงนำส้มที่มีอยู่ในสวนไปทำน้ำส้มสดคั้นขายที่ อ.เชียงคาน ปรากฏว่าเพียง 10 วัน ขายได้กว่า 50,000 บาท หลังจากนั้นจึงตัดสินใจอยู่บ้านทำการเกษตร และดูแลพ่อที่กำลังป่วยด้วย แล้วก็ไม่กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ อีกเลย
โดยเริ่มศึกษาการทำเกษตรแบบไม่พึ่งพาสารเคมีอย่างจริงจัง โดยมีไร่ อ.อธิศพัฒน์ ที่ อ.ท่าลี่ เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งส่วนตัวก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอยากกลับบ้านมาปลูกต้นไม้ ทำการเกษตร เพราะอยู่ที่กรุงเทพฯ เริ่มรู้สึกว่าป่วยง่าย เดินขึ้นบันไดสะพานลอยแทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันตนก็คุ้นเคยกับการทำเกษตรกับพ่อมาตั้งแต่เด็กแล้ว
หลังจากนั้นเริ่มลงมือปลูกผักปลอดสารพิษอย่างจริงจัง ผักที่ปลูกก็มีหัวผักกาด แครอท คะน้า พริก ผักสลัด และถั่วพู ส่งขายร้านอาหาร โรงแรม และให้ลูกค้าตามบ้านในจังหวัด ส่วนไร่ส้มก็ดูแลตามปกติ ไม่ได้จริงจังเท่าไร แต่เมื่อต้องขอใบรับรองผักอินทรีย์จากกรมวิชาการเกษตร ในหลักเกณฑ์กำหนดให้บริเวณพื้นที่ในไร่ทั้งหมดต้องปลอดสารเคมี 100% จึงทำให้สวนส้มได้รับการรับรองว่าเป็นส้มอินทรีย์ไปด้วย ซึ่งถือว่ามีมากที่สุดในภาคอีสาน
ส้มที่ออกผลแต่ละปีจะนำไปวางขายตามตลาดทั่วไป ส่วนผลที่ไม่สมบูรณ์ก็มีแม่ค้ามารับซื้อไปทำน้ำส้มคั้นขาย ส่วนผลที่สมบูรณ์จะนำไปวางขายตามตลาดและส่งขายตามที่ลูกค้าสั่ง แต่ละปีมีรายได้จากการขายส้มเขียวหวานประมาณ 100,000 บาท ยังไม่รวมรายได้จากพืชผักอื่นๆ
นางสาวจักรวิดาเล่าอีกว่า หลักเริ่มการทำเกษตรก็ได้เรียนรู้ โดยยึดหลักศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์พระราชทานคำแนะนำให้เกษตรกรไทยว่าอะไรที่มีอยู่แล้วก็ใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด เรามีไร่ส้ม มีที่ดินอยู่แล้ว ก็แค่ดูแลรักษา และปลูกพืชผักขึ้นมา พัฒนาให้สมบูรณ์ที่สุด จนกลายเป็นอาชีพ ทำให้ได้รู้ว่าผืนดินคือสินทรัพย์ที่มีค่ามาก เราสามารถที่จะพลิกมันขึ้นมาให้เป็นพืชผัก ผลไม้ได้หลายอย่าง และได้รู้ว่าอาชีพที่ดีที่สุดคือ การปลูกสิ่งที่กินได้ มีกินในครอบครัวโดยไม่ต้องซื้อหา เมื่อเหลือกินก็ขาย.-สำนักข่าวไทย