กองทัพบก 30 ม.ค.-คสช.ชี้กลุ่ม People Go network ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมทางการเมือง แนะอาจารย์ มธ.รังสิต ควรแนะ นศ.ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีคณะอาจารย์ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นำโดย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืน และบริหารศูนย์รังสิต ลงชื่อร่วมกัน จำนวน 26 คน ยื่นหนังสือต่อหัวหน้า คสช. ให้ผ่อนปรนการทำกิจกรรมบนสกายวอร์ค แยกปทุมวัน ในวันที่ 25 และวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา นำโดย นายรังสิมันต์ โรม , นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ , นายอานนท์ นำภา , นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ว่า คสช.ขอชี้แจงว่ามูลเหตุเริ่มต้นจากกลุ่มองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ในนาม People Go network ได้จัดกิจกรรมบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้อง มีการกล่าวปราศรัย โจมตีรัฐบาล และ คสช. ซึ่งมีผู้ร่วมในเหตุการณ์ประมาณ 150 คน นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยา และมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งผู้บังคับกองพัน ทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4 ปฎิบัติหน้าที่รับผิดชอบการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ดังกล่าว ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ฐานร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว คือ พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา แต่หากยังไม่มาพบ จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายจับทันที
“ณ เวลานี้การที่คณะอาจารย์ได้มีหนังสือให้พิจารณาทบทวน จึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ครูอาจารย์ผู้ซึ่งเป็นขุมพลังปัญญาอันสำคัญยิ่ง และสามารถชี้แนะการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม ให้แก่ นิสิต นักศึกษา และสังคม โดยใช้บรรยากาศการปรองดอง ความร่วมมือ ใช้สติปัญญาหันหน้าพูดคุย เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม กับบรรยากาศของบ้านเมือง และนำพาประเทศชาติและสังคมก้าวข้ามผ่านความยากลำบากในช่วงเวลานี้ และนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตาม การกำหนดบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ให้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวยังมีผลบังคับใช้ เป็นเครื่องแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่าประเทศยังมีความจำเป็นในการมีกฎหมายเพื่อรักษาความสงบและความมั่นคงภายในอยู่ ส่วนท่านใดจะตีความเช่นไร ก็เป็นการเสนอความเห็นที่กระทำได้ แต่มิได้หมายความว่าจะทำให้กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ไปได้” พล.ต.ปิยพงศ์
พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวด้วยว่า คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินงานตามโรดแมปที่วางไว้ตลอดมา และทุกฝ่ายพยายามทำให้เกิดความเรียบร้อยอย่างดีที่สุด การแสดงออกที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือสร้างความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ความสงบ อาจจะเป็นปัจจัยทำให้การเดินหน้าสู่โรดแมปไม่ราบรื่น ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่คาดหวัง จึงอยากร้องขอให้การแสดงออกทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทุกประการอย่างถ้วนทั่ว ไม่ควรมีการเรียกร้อง หรือขอข้อยกเว้นว่าให้ใช้กฎหมายเฉพาะรูปแบบหนึ่งรูปแบบใดเท่านั้น เพราะทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม อีกทั้งผู้ดำเนินกิจกรรมย่อมรู้อยู่แก่ตนเองว่ากิจกรรมที่ดำเนินการอยู่ เหมือนหรือแตกต่างจากกิจกรรมรณรงค์ประเด็นทางสังคมอื่นหรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนของ คสช. ก่อนที่จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี ได้มีการสังเกตการณ์ รวมทั้งพูดคุยเจรจา ขอความร่วมมือ เพื่อมิให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อทางกลุ่มยังยืนยันที่จะทำต่อไป คสช.จึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากสนับสนุนให้เกิดการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งผู้จะพิจารณาว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่อย่างไร ขึ้นกับกระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่ คสช.จะไม่ก้าวล่วง
“อย่างไรก็ตาม คสช.ขอขอบคุณในความปรารถนาดี และการมีส่วนร่วมทางความคิดอันเป็นประโยชน์ยิ่งของคณะอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและ คสช. มา ณ โอกาสนี้ และ คสช.จะพิจารณาโดยรอบคอบอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ความสงบสุขของบ้านเมืองจะได้ดำเนินต่อไป และหากมีผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ คสช.อย่างไร จะแจ้งให้ท่านทราบในโอกาสแรกทันที” พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย